LHFund เปิดกลยุทธ์ลงทุนครึ่งปีหลังรับมือตลาดผันผวน-ชูกองอสังหาฯเด่น
LHFund แนะกลยุทธ์การลงทุนครึ่งปีหลังเพื่อรับมือตลาดผันผวน ชูจุดเด่นด้านความเชี่ยวชาญการบริหารจัดการกองทุนรวมหน่วยลงทุนอสังหาฯ สร้างผลตอบแทนที่โดดเด่นให้แก่นักลงทุน
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด หรือ LHFund เปิดเผยว่า บริษัทแนะกลยุทธ์การลงทุนครึ่งปีหลังรับมือตลาดผันผวน ชูจุดเด่นด้านความเชี่ยวชาญการบริหารจัดการกองทุนรวมหน่วยลงทุนอสังหาริมทรัพย์ (Fund of Property Fund) สร้างผลตอบแทนที่โดดเด่นให้แก่นักลงทุน โชว์ผลการดำเนินงานถึงวันที่ 31 พ.ค.ที่ผ่านมา สามารถผลักดันขนาดกองทุนรวมทั้งหมดที่อยู่ภายใต้การบริหารเพิ่มขึ้นเกือบ 14% จากปีที่ผ่านมา พร้อมวางกลยุทธ์การลงทุนแบบ Asset Allocation จัดสัดส่วนกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ ส่วนกองทุนหุ้นแนะหุ้นญี่ปุ่นและกอง REIT ในญี่ปุ่นและสิงคโปร์ยังน่าลงทุน
ในขณะเดียวกันบริษัทได้วางเป้าหมายที่จะสร้างการเติบโตให้กับองค์กรอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีหลังที่จะเร่งขยายธุรกิจให้มีบริการด้านกองทุนที่หลากหลายมากขึ้น เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่นักลงทุนที่สนใจเข้าลงทุนผ่านกองทุนรวมและกองทุนส่วนบุคคล โดยจะใช้จุดเด่นของกิจการในกลุ่มด้านประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของกลุ่มแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ผสมผสานเข้ากับจุดเด่นด้านความเชี่ยวชาญการบริหารจัดการกองทุนผนวกกัน ทำให้การบริหารจัดการ Fund of Property Fund ทุกกองทุนของบริษัท สามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างโดดเด่นแก่ผู้ถือหน่วย
โดยในปี 2559 นี้ จนถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2559 บริษัทมีขนาดกองทุนที่อยู่ภายใต้การบริหารจัดการรวมทั้งสิ้นประมาณ 56,700 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 13.72% ในขณะที่ขนาดกองทุนทั้งอุตสาหกรรมมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 7.53% โดยกองทุนประเภท Fund of Property Fund ของบริษัทฯ สามารถสร้างผลตอบแทนให้แก่ นักลงทุนได้อย่างโดดเด่น อาทิ กองทุนเปิด แอล เอช ไทย พร็อพเพอร์ตี้ (LHTPROP) ซึ่งจากข้อมูล ณ วันที่ 27 พฤษภาคมที่ผ่านมา ให้ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 16.68% และย้อนหลัง 3 เดือน 6 เดือน 1ปี และตั้งแต่จัดตั้ง (ต่อปี) อยู่ที่ 5.73%,16.25%, 26.39% และ 14.30% ตามลำดับ
ทั้งนี้บริษัทประสบความสำเร็จ ในการผลักดันการเติบโตของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) ที่มีขนาดกองทุนเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยข้อมูล ณ วันที่ 31 พฤษภาคม 2559 บริษัท มีขนาดกองทุนอสังหาริมทรัพย์และ REIT รวมกว่า 26,900 ล้านบาท ซึ่งปัจจัยความสำเร็จเกิดจากทรัพย์สินคุณภาพดีที่พัฒนาโดยผู้มีประสบการณ์การก่อสร้างมายาวนาน ทำเลที่ตั้งของทรัพย์สินที่โดดเด่นตลอดจนกระบวนการคัดเลือกทรัพย์สินและการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ
การวางกลยุทธ์การลงทุนในช่วงครึ่งปีหลังจะต้องใช้ความระมัดระวัง เนื่องจากตลาดยังมีผันผวนจากปัจจัยทั้งภายในและภายนอกประเทศ อาทิ การลงประชามติของประเทศอังกฤษ (Brexit) ในการออกจากการเป็นสมาชิกกลุ่มสหภาพยุโรป โดยบริษัทได้วางกลยุทธ์การลงทุน Asset Allocation หรือการจัดสัดส่วนกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ ซึ่งมีความโดดเด่นในด้านการกำหนดความเสี่ยงประเภทสินทรัพย์ในแต่ละกองทุน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสร้างผลตอบแทนสูงสุดแก่ผู้ลงทุน
ในช่วงครึ่งปีหลังมองว่าการลงทุนในตลาดหุ้นญี่ปุ่นมีความน่าสนใจ หลังจากดัชนีปรับลดลงแล้วประมาณ 20% นับจากต้นปีเนื่องจากค่าเงินเยนที่แข็ง ประกอบกับหุ้นขนาดกลางและเล็กที่มีการพึ่งพิงการบริโภคจากภายในประเทศยังมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี ขณะที่การลงทุนในกอง REIT ในประเทศแถบเอเชียก็ยังมีความน่าสนใจ อาทิ กอง REIT ในประเทศญี่ปุ่นที่ได้ประโยชน์จากนโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ กอง REIT ในประเทศสิงคโปร์ที่ยังมีผลตอบแทนอยู่ในระดับที่น่าสนใจ โดยมีโอกาสที่สร้างผลตอบแทนเอาชนะภาวะตลาดที่ผันผวนได้ นอกจากนี้ทองคำก็เป็นสินทรัพย์ที่ยังน่าลงทุนเพื่อกระจายความเสี่ยงในช่วงตลาดผันผวนเช่นกัน
คำเตือน: ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน คู่มือภาษีและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน