SMEBank เปิดตัว SMART SME บัญชีเดียว ส่งเสริมบุคคลธรรมดาขึ้นทะเบียนเป็นนิติบุคคล
SMEBank เปิดตัวสินเชื่อ SMART SME บัญชีเดียว ชูดอกเบี้ยต่ำ หนุนบุคคลธรรมดาขึ้นทะเบียนเป็นนิติบุคคล
นายมงคล ลีลาธรรม กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SMEBank) หรือ ธพว. เปิดตัวแคมเปญสินเชื่อ SMART SMEs บัญชีเดียว หรือสินเชื่อเพื่อส่งเสริมให้บุคคลธรรมดาประกอบธุรกิจในรูปของนิติบุคคล วงเงินโครงการรวม 10,000 ล้านบาท ให้กู้สูงสุดรายละ 15 ล้านบาท ดอกเบี้ยต่ำเพียง 5% ในปีแรก และปลอดชำระเงินต้นสูงสุด 12 เดือน ผ่อนนานสูงสุด 10 ปี ใช้หลักประกันตามหลักเกณฑ์ของธนาคาร เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการ ให้มีเงินทุนหมุนเวียน ลงทุน ขยาย หรือปรับปรุงกิจการ
โดยเน้นผู้ประกอบการ 2 กลุ่มคือ กลุ่มที่ 1 ผู้ประกอบการที่เป็นนิติบุคคลที่ประกอบธุรกิจ ร้านขายยา ร้านทอง ร้านแว่นตา และธุรกิจท่องเที่ยว อาทิ โรงแรม ร้านอาหาร บริษัทนำเที่ยว บริษัทเช่ารถ ร้านขายสินค้าที่ระลึกสำหรับนักท่องเที่ยว รวมถึงธุรกิจสปา และธุรกิจที่เกี่ยวข้องการท่องเที่ยว เป็นต้น
ส่วนกลุ่มที่ 2 ผู้ประกอบการนิติบุคคลทั่วไปที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป ที่ประกอบธุรกิจ ค้าปลีก ค้าส่ง ผลิต หรือให้บริการ ทั้งนี้ ผู้ประกอบการต้องผ่านการคัดกรองจากหน่วยงานพันธมิตรที่ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับทางธนาคาร โดย ธพว.ออกโครงการสินเชื่อดังกล่าวให้สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2559 “มาตรการส่งเสริมให้บุคคลธรรมดาประกอบธุรกิจในรูปแบบนิติบุคคล
“จะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบ ได้รับการช่วยเหลือพัฒนาผลิตภาพการผลิต (Productivity Improvement) ในหลากหลายด้านจากภาครัฐ และหน่วยงานเครือข่าย ทั้งในมาตรการช่วยเหลือด้านภาษี ด้านการบริหารจัดการธุรกิจ ผ่านระบบคลาวด์ภาครัฐ (Government Cloud Service) หรือการผลักดันด้านการตลาดยุคใหม่ E-Commerce ซึ่งจะอำนวยความสะดวก ลดค่าต้นทุนรายจ่าย เป็นผลดีต่อผู้ประกอบการในรูปแบบนิติบุคคล และสามารถสร้างฐานภาษีที่ยั่งยืนในระยะยาว
โดยวันนี้ธพว. ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการฯกับ 4 หน่วยงานพันธมิตร คือ กรมสรรพากร กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม และสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟแวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) เพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกอบการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ทั้งในรูปแบบสินเชื่อ หรือเงินร่วมลงทุน
รวมถึงการถ่ายทอดองค์ความรู้และให้คำปรึกษาแก่ผู้ประกอบการ ทั้งด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ การบริหารจัดการ และการตลาด โดย ธพว. ให้การส่งเสริมสนับสนุนด้านเงินทุน และการพัฒนาผู้ประกอบการ กรมสรรพากร จะถ่ายทอดองค์ความรู้ ด้านภาษี บัญชี เป็นต้น กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ผลักดันและสนับสนุนให้ผู้ประกอบการสามารถจดแจ้งขึ้นทะเบียนเป็นนิติบุคคล
สำหรับผลประกอบการ ธพว.ปี 59 ว่าธนาคารช่วยเหลือผู้ประกอบการให้เข้าถึงแหล่งเงินทุน จำนวน 11,225 ราย เป็นวงเงินสินเชื่อรวม 34,621 ล้านบาท เฉลี่ยกู้ต่อราย 3 ล้านบาท และบริหารจัดการหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ได้ตามเป้าหมาย มียอด (NPL) ลดลงคงเหลือ 17,822 ล้านบาท เปรียบเทียบกับระยะเดียวกันกับปี 2558 มียอด NPL 23,452 ล้านบาท ลดลง 5,630 ล้านบาท ส่งผลให้ธนาคารมีกำไรสุทธิจำนวน 1,681 ล้านบาท เปรียบเทียบกับระยะเดียวกันกับปี 2558 มีกำไรสุทธิรวม 1,235 ล้านบาท กำไรเพิ่มขึ้น 446 ล้านบาท คิดเป็น 36.11%
ส่วนในปี 60 ธพว.วางแผนดำเนินงานตามที่ได้เสนอต่อคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) โดยกำหนดยุทธศาสตร์ ปี 2560 ดังนี้ 1. ยุทธศาสตร์การสร้างความเข้มแข็งทางการเงินอย่างมีเสถียรภาพ ลดภาระการพึ่งพางบประมาณจากภาครัฐ โดยมีเป้าหมายยอดเบิกจ่ายสินเชื่อ 30,000 ล้านบาท ลดยอด NPL ไม่เกิน 16,600 ล้านบาท
2. ยุทธศาสตร์การพัฒนาผู้ประกอบการ SME (SME Development Bank for SME Spring up) ทั้งในด้านแหล่งเงินทุนและการพัฒนาศักยภาพ โดยมีเป้าหมายให้ผู้ประกอบการได้รับการพัฒนาความรู้ทางธุรกิจ 4,500 ราย มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น 1,100 ราย และมีความสามารถในการดำเนินธุรกิจเพิ่มขึ้น 550 ราย รวมทั้งมีเป้าหมายการเข้าร่วมลงทุนกับผู้ประกอบการ 50 ราย โดยมีจำนวนเงินที่เข้าร่วมลงทุน รวมทั้งเงินลงทุนในระบบ Eco System จำนวน 1,000 ล้านบาท
3 ยุทธศาสตร์การพัฒนาองค์กรเพื่อก้าวสู่การเป็นธนาคารเพื่อการพัฒนา ผ่านการพัฒนาระบบงานให้มีมาตรฐาน การเพิ่มทักษะบุคลากรควบคู่กับการสร้างวัฒนธรรมคุณธรรมสุจริต การจัดทำแผนบริหารความเสี่ยง และการควบคุมภายใน โดยธนาคารยังคงมุ่งเน้นการดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์ฟื้นฟู ธพว. ที่ได้กำหนดบทบาท และทิศทางการดำเนินงานที่ชัดเจน รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ เพื่อให้เป็นสถาบันการเงินเฉพาะกิจที่เป็นกลไกในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ บนพื้นฐานการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพตามหลักธรรมาภิบาล