ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดเงินสะพัด9พันลบ.ตามนักท่องเที่ยวช่วงสงกราน์แห่ขึ้นเหนือ

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่าา ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เป็นโค้งสุดท้ายของการสร้างเม็ดเงินด้านการท่องเที่ยวเข้าสู่พื้นที่ภาคเหนือของไทยก่อนที่จะเข้าสู่ช่วงโลว์ซีซั่นของการท่องเที่ยวภาคเหนือ เนื่องจากการเดินทางท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์นั้น เป็นช่วงที่ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวเนื่องมีราคาสูงกว่าช่วงนอกเทศกาล ไม่ว่าจะเป็นราคาตั๋วเครื่องบิน ราคาห้องพัก จึงทำให้มีเม็ดสะพัดในพื้นที่ค่อนข้างมากกว่าช่วงเดือนอื่นๆ ในไตรมาสเดียวกัน


ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่าา ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เป็นโค้งสุดท้ายของการสร้างเม็ดเงินด้านการท่องเที่ยวเข้าสู่พื้นที่ภาคเหนือของไทยก่อนที่จะเข้าสู่ช่วงโลว์ซีซั่นของการท่องเที่ยวภาคเหนือ เนื่องจากการเดินทางท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์นั้น เป็นช่วงที่ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวเนื่องมีราคาสูงกว่าช่วงนอกเทศกาล ไม่ว่าจะเป็นราคาตั๋วเครื่องบิน ราคาห้องพัก จึงทำให้มีเม็ดสะพัดในพื้นที่ค่อนข้างมากกว่าช่วงเดือนอื่นๆ ในไตรมาสเดียวกัน

ฉะนั้น สถานการณ์หมอกควันคลี่คลายจึงมีส่วนช่วยหนุนบรรยากาศการท่องเที่ยวในพื้นที่ และเมื่อประกอบกับการสนับสนุนของภาครัฐที่ส่งเสริมปีท่องเที่ยววิถีไทย ปี 2558 ควบคู่กับการกระตุ้นการท่องเที่ยวแหล่งท่องเที่ยวใหม่ภายใต้แคมเปญ “12 จังหวัดต้องห้ามพลาด” ซึ่งในภาคเหนือมีจังหวัดลำปางและน่าน นอกจากนี้ ยังรวมถึงการส่งเสริมศักยภาพของคลัสเตอร์ท่องเที่ยว คือ กลุ่มอารยธรรมล้านนาและภาคเหนือตอนบน ภายใต้การสนับสนุนการลงทุนจากคณะกรรมส่งเสริมการลงทุน(BOI) ก็น่าจะยิ่งช่วยหนุนบรรยากาศการท่องเที่ยวโดยรวมของภาคเหนือในภาคเหนือในปีนี้ให้มีความคึกคัก

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่าในช่วงวันหยุดติดต่อกัน 5 วัน ระหว่างวันที่ 11-15 เมษายน 2558 และอาจจะลากยาวหากมีการวางแผนหยุดล่วงหน้าในวันที่ 16-17 เมษายน 2558 ซึ่งจะทำให้มีวันหยุดติดต่อกันถึง 9 วันในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2558 นั้นคาดว่าในช่วง 5 วันหยุดยาวของเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ จะมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเดินทางไปยัง 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน และก่อให้เกิดเม็ดเงินสะพัดไปยังธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องในพื้นที่ดังกล่าว (ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจโรงแรม ธุรกิจบริการอาหาร/เครื่องดื่ม ธุรกิจค้าปลีก เป็นต้น) มูลค่าประมาณ 9,100 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.5 เมื่อเทียบกับคาดการณ์ของช่วงเดียวกันในปี 2557

โดยนอกจากจังหวัดเชียงใหม่และเชียงรายที่มีสัดส่วนจำนวนและรายได้ท่องเที่ยวสูงอยู่แล้ว ยังต้องจับตาจังหวัดน่านที่มีการขยายตัวอย่างโดดเด่นในช่วงที่ผ่านมา โดยปัจจัยหนุนก็อาจจะด้วยจังหวัดน่านเป็นหนึ่งใน 12 เมืองท่องเที่ยวที่ภาครัฐให้การสนับสนุน ประกอบกับสิ่งอำนวยความสะดวกก็มีความพร้อมสามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเปิดใช้สนามบินน่านนครเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2558 ที่มีหลายสายการบินเปิดเส้นทางหรือเพิ่มความถี่เส้นทางกรุงเทพฯ-น่าน รวมถึงบริการด้านที่พักในพื้นที่มีรูปแบบและระดับราคาที่หลากหลาย

ส่วนตลาดนักท่องเที่ยวชาวจีน ซึ่งเป็นตลาดที่ค่อนข้างมีบทบาทต่อภาคการท่องเที่ยวของไทยในปีนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า ในช่วง 5 วันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ในปีนี้ จะมีชาวจีนเดินทางไปท่องเที่ยว 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบนจำนวนไม่ต่ำกว่า 65,000 คน และอาจจะก่อให้เกิดเม็ดเงินสะพัดในพื้นที่ดังกล่าวมูลค่าประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยในปัจจุบัน ชาวจีนจำนวนไม่น้อยเลือกเดินทางเข้ามายังภาคเหนือของไทยผ่านทางสะพานมิตรภาพแห่งที่ 4 (เชียงของ-ห้วยทราย) ที่ผ่านเส้นทาง R3A ที่เชื่อมต่อระหว่างจีน-ลาว-ไทย

Back to top button