EXIM BANK ปล่อยกู้ 3.45 ล้านดอลลาร์แก่JWD ใช้ขยายธุรกิจโลจิสติกส์ในกัมพูชาและสปป.ลาว
EXIM BANK ปล่อยกู้ 3.45 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แก่ JWD เพื่อใช้ขยายธุรกิจโลจิสติกส์ในกัมพูชาและสปป.ลาว
นายพิศิษฐ์ เสรีวิวัฒนา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยว่า EXIM BANK ได้สนับสนุนเงินกู้จำนวน 3.45 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ให้แก่บริษัทเจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JWD เพื่อให้ JWD นำไปใช้ในโครงการคลังสินค้าอาหารแช่เย็นแช่แข็งในเมืองหลวงของกัมพูชาและ สปป.ลาว
โดยเงินกู้ของ EXIM BANK ในครั้งนี้ช่วยให้ JWD รุกเข้าตลาดธุรกิจโลจิสติกส์ในตลาดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community : AEC) อย่างเต็มรูปแบบ ภายหลังจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อปี 2558 และดำเนินธุรกิจให้บริการด้านโลจิสติกส์ภาคพื้นดินอย่างครบวงจรมานานกว่า 36 ปี โดย JWD ได้ร่วมทุนกับ RMA Group ผู้นำธุรกิจอาหารและยานยนต์รายใหญ่ในกลุ่มประเทศกัมพูชา และ สปป.ลาว จัดตั้งบริษัท EM Logistics and Warehousing Private Limited เพื่อลงทุนในธุรกิจคลังสินค้าในกัมพูชาและ สปป.ลาว ทั้งนี้ เงินกู้จำนวน 3.45 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นำไปใช้ในการก่อสร้างโครงการคลังสินค้าในกัมพูชา 2.60 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และใน สปป.ลาว 0.85 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้ ภายใต้การสนับสนุนเงินกู้ของ EXIM BANK ปัจจุบันโครงการคลังสินค้าในนครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว ได้ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้วเมื่อเดือนมกราคม 2559 โดยให้บริการรับฝากและบริหารสินค้าควบคุมอุณหภูมิแช่เย็นและแช่แข็ง ซึ่งต้องการการจัดเก็บในอุณหภูมิต่ำที่มีการนำเข้าและกระจายเข้าสู่ธุรกิจร้านอาหารหรือค้าปลีกเพื่อการบริโภคภายในประเทศ เช่น สินค้าอาหารสดซึ่งอยู่ระหว่างรอการแปรรูป ผลไม้ น้ำผลไม้ ผักสด ไอศกรีม และเนยแข็ง เป็นต้น
ขณะที่โครงการคลังสินค้าสำหรับรับฝากและบริหารสินค้าประเภทเดียวกันข้างต้นในกรุงพนมเปญ กัมพูชา อยู่ระหว่างก่อสร้าง และคาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนสิงหาคมนี้ โดยกลุ่มลูกค้าสำคัญที่ใช้บริการคลังสินค้าดังกล่าวได้แก่ ธุรกิจแฟรนไชส์ร้านอาหารที่มีสาขาจำนวนมากกระจายอยู่ทั่วประเทศ
“การสนับสนุนของ EXIM BANK ในครั้งนี้เป็นการสนับสนุนการพัฒนาธุรกิจโลจิสติกส์ใน CLMV ซึ่งจะเป็นรากฐานการเชื่อมโยงทางโลจิสติกส์จากไทยไปยังประเทศเพื่อนบ้าน และต่อไปยังประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค นำมาซึ่งรายได้ที่เป็นเงินตราต่างประเทศของไทย ควบคู่ไปกับการเสริมสร้างความกินดีอยู่ดีของสังคมและการเติบโตทางเศรษฐกิจของ AEC และภูมิภาคโดยรวม” นายพิศิษฐ์กล่าว