“นายก” ไฟเขียวปลดล็อกเปิด 5 กิจการ เริ่ม 14 มิ.ย.นี้
“นายก” ปลดล็อกเปิดสถานที่ 5 ประเภท เริ่ม 14 มิ.ย.นี้ ส่วนโครงการ “Phuket Sandbox” คาดเริ่ม 1 ก.ค.นี้
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กให้ผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคสำหรับสถานที่ 5 ประเภทในเขตกรุงเทพมหานคร ตั้งแต่วันที่ 14 มิ.ย.2564 เป็นต้นไป โดยระบุว่า หลังจากที่ได้พิจารณาอย่างรอบคอบร่วมกับทุกฝ่าย ทั้งกรุงเทพมหานคร กระทรวงสาธารณสุข และ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-18 (ศบค.) ในฐานะผู้อำนวยการ ศบค. เห็นว่าข้อเสนอของกรุงเทพมหานคร ในการขอผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคสำหรับสถานที่ 5 ประเภทในเขตกรุงเทพมหานคร ที่เคยขอมาก่อนนั้น สามารถให้มีการผ่อนคลายได้ตามเงื่อนไขที่ขอมา เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ ประกอบกับที่มีประชาชนในพื้นที่กรุงเทพฯเริ่มได้รับการฉีดวัคซีนเป็นจำนวนพอสมควร โดยเฉพาะผู้ประกอบอาชีพในกิจการดังกล่าวข้างต้น ซึ่งสถานที่ทั้ง 5 ประเภทนั้นประกอบด้วย
– พิพิธภัณฑ์ และโบราณสถานต่างๆ
– สวนสาธารณะ สวนพฤกษศาสตร์ต่างๆ
– คลินิกเสริมความงาม
– สถานประกอบการนวดเพื่อสุขภาพ (อนุญาตเฉพาะนวดฝ่าเท้า)
– ร้านทำเล็บและร้านสัก
โดยการผ่อนคลายนี้จะมีผลตั้งแต่วันที่ 14 มิ.ย.2564 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น ซึ่งทางกรุงเทพมหานคร จะออกประกาศแนบท้ายซึ่งเป็นมาตรการป้องกันโรค เพื่อให้สถานที่ทั้ง 5 ประเภทนี้ได้ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด และอาจถูกสั่งปิดได้หากไม่ปฏิบัติตาม
สำหรับโครงการ “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” (Phuket Sandbox) เป็นโครงการที่เกิดขึ้นในการทดลองเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวเข้ามาโดยไม่ต้องกักตัว เพื่อฟื้นอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่เป็นรายได้หลักของประเทศมาตลอด โดยพื้นที่ที่เหมาะสมที่สุดนั่นคือจังหวัดภูเก็ต ที่เป็นทั้งแหล่งท่องเที่ยวและเป็นเกาะที่สามารถควบคุมการเข้าออกได้
ดังนั้นจึงมีการเตรียมความพร้อมด้วยการระดมฉีดวัคซีนให้กับประชาชนในภูเก็ต ซึ่งในวันนี้ฉีดไปมากกว่า 70% ของประชากรทั้งจังหวัดแล้ว โดยเฉพาะพี่น้องในภาคการท่องเที่ยวที่เราจะฉีดให้ครบ 100% ซึ่งจะเปิดรับเฉพาะนักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มแล้วจากประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ และต้องพักอาศัยในภูเก็ตอย่างน้อย 14 วันก่อนจะไปท่องเที่ยวในพื้นที่อื่นต่อได้ และจะมีระบบตรวจโรคและติดตามตัวอย่างเข้มงวดด้วย
โดยโครงการ “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” นี้ได้ผ่านการพิจารณาจากศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ (ศบศ.) และคณะรัฐมนตรีได้รับทราบเบื้องต้นแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการปรับปรุงรายละเอียดเพื่อให้ ศบค. และ ครม. อนุมัติอย่างเป็นทางการ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มได้ในวันที่ 1 ก.ค. นี้ และจะเป็นต้นแบบให้กับพื้นที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ต่อไป
ส่วนกิจการอื่นๆ เช่นร้านอาหาร หรือพื้นที่ท่องเที่ยวอื่นๆที่ยังมีเงื่อนไขการปิดสถานที่ หรือมีข้อจำกัดต่างๆ ตนและศบค. มีการประเมินสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา โดยคำนึงถึงทั้งความปลอดภัยทางสาธารณสุขและการดำเนินชีวิตของพี่น้องประชาชน และจะประกาศให้ทราบทันทีที่มีมติในการเปลี่ยนแปลง
“ในฐานะนายกรัฐมนตรี และผู้อำนวยการ ศบค. หน้าที่สำคัญของผมคือการสั่งการและวางนโยบายเพื่อควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดให้ดีที่สุด แต่ต้องดำเนินการไปด้วยความสมดุลกับความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน และการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจด้วยเช่นกัน ซึ่งผมได้ติดตามสถานการณ์และปรึกษากับผู้เกี่ยวข้องต่างๆตลอดเวลา เพื่อตัดสินใจที่จะเกิดประโยชน์ที่สุดกับประเทศชาติส่วนรวม”