PYLON คาดครึ่งปีหลังโตแกร่ง ตุนแบ็กล็อก 647 ลบ. รุกประมูลงานรัฐ-เอกชนเพิ่ม
PYLON คาดครึ่งปีหลังโตแกร่ง ตุนแบ็กล็อก 647 ลบ. รุกประมูลงานรัฐ-เอกชนอย่างต่อเนื่อง ทั้งโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา-รถไฟฟ้าสายสีม่วง
นายชเนศวร์ แสงอารยะกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไพลอน จำกัด (มหาชน) หรือ PYLON เปิดเผยว่า บริษัทเชื่อว่าช่วงครึ่งปีหลังสถานการณ์ภาพรวมจะเริ่มปรับตัวดีขึ้น โดยทางบริษัทยังคงเดินหน้าประมูลงานภาครัฐอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา และโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงที่คาดว่าจะยื่นประมูลในช่วงปลายปี รวมไปถึงโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มที่จะทยอยตามมาอีกเช่นกัน
ด้านโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูที่ประมูลมาได้ 2 สถานี คาดว่าจะเริ่มเข้าไปดำเนินการได้ในเดือน ก.ค. รวมไปถึงโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ระยะทางรวมทั้งสิ้น 180-190 กิโลเมตร บริษัทได้งานมาเป็นระยะทาง 33 กิโลเมตร จะเริ่มดำเนินงานหลังจากเดือน ก.ย. และโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงไทย-จีน เส้นทางกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ได้เริ่มดำเนินงานไปบางส่วนแล้ว
ส่วนโครงการภาคเอกชนมีโครงการใหญ่ที่อยู่ระหว่างการเจรจา 2 โครงการ มูลค่างานละ 150 ล้านบาท และยังมีงานรอประมูลอยู่อีกหลายโครงการมูลค่ารวมกว่าพันล้านบาทอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมีโครงการที่มีปัญหาและต้องกลับไปประมูลใหม่ คือโครงการทางด่วนสายพระราม3-ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอกด้านตะวันตก ที่เปิดประมูลทั้งหมด 4 สัญญา แต่ประมูลเสร็จสิ้นเพียงแค่ 2 สัญญาเท่านั้น ส่วนที่เหลืออีก 2 สัญญาจะต้องไปประมูลใหม่ คาดว่าจะเห็นความชัดเจนเร็วๆ นี้
โดยปัจจุบัน บริษัทมีงานในมือ (Backlog) ทั้งหมด 647 ล้านบาทและยังมีงานอีก 400 ล้านบาทที่อยู่ระหว่างการเจรจาคาดว่าสรุปผลในเดือน ก.ย.นี้ เฉพาะส่วนนี้ก็จะช่วยทำให้ Backlog ของบริษัทแตะพันล้านบาท ลดความกดดันของบริษัทในการเข้าไปประมูลงานในช่วงนี้ที่มีการแข่งขันค่อนข้างสูง
ด้านราคาเหล็กที่เพิ่มสูงขึ้นในปัจจุบันไม่ได้ส่งผลกระทบกับทางบริษัทมากนัก เนื่องจากได้ทำการซื้อเหล็กเต็มจำนวนหลังจากได้รับงานเข้ามาในทันที และด้านราคาน้ำมันดีเซลที่เพิ่มสูงขึ้นไม่ได้กระทบในธุรกิจงานเสาเข็มมากนัก เพราะโครงการเสาเข็มใช้ระยะเวลาดำเนินงานค่อนข้างสั้น นอกจากนั้น บริษัทยังได้นำระบบไอทีและระบบคอมพิวเตอร์เข้ามาควบคุมงานก่อสร้างมากขึ้นและมีการใช้ระบบ ERP ที่เขียนและออกแบบเฉพาะตัวมาเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงต้องติดตามสถานการณ์ด้านแรงงานอย่างใกล้ชิด แม้ว่าในปัจจุบันจะมีจำนวนแรงงานที่เพียงพอ แต่หากในไตรมาส 4/64 เป็นต้นไปยังไม่เปิดให้แรงงานต่างด้าวเข้ามาเพิ่มเติม อาจจะทำให้เกิดปัญหาขาดแคลนแรงงาน โดยทางบริษัทได้วางแผนล่วงหน้าด้วยการหาแรงงานในประเทศมาทดแทน