“Home isolation – รักษาตัวที่บ้าน” ทางออกวิกฤตเตียงเต็ม นำร่องผู้ป่วยบัตรทองกลุ่มสีเขียว

แก้ปัญหาวิกฤต กทม.ขาดแคลนเตียงโควิด-19 ด้วยแนวทาง Home isolation รักษาตัวที่บ้าน โดยนำร่องในกลุ่มผู้ป่วยบัตรทอง พร้อมส่งยา และอาหารให้ครบ 3 มื้อ


ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ 28 มิถุนายน 2564 นายแพทย์ สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยถึงแนวทาง Home isolation หรือ แนวทางการรักษาผู้ป่วย โควิด-19 ที่บ้าน ว่า เบื้องต้นให้โรงพยาบาลประเมินผู้ป่วยที่มีอาการน้อย หรือ กลุ่มสีเขียว มีความยินยอมที่จะรักษาตัวอยู่ที่บ้าน จากนั้นจะประเมินปัจจัยแวดล้อม เช่น มีห้องนอน หรือ ห้องน้ำ ที่สามารถแยกการใช้งานได้หรือไม่ หากคนกลุ่มนี้มีโรคประจำตัวต้องเป็นผู้ที่มีอาการคงที่  สามารถควบคุมโรคได้ ทีมแพทย์จะมีการส่งที่วัดไข้ / เครื่องวัดออกซิเจน ส่งให้กับผู้ป่วยที่บ้าน โดยจะมีทีมแพทย์ให้คำปรึกษา / สอบถามอาการผู้ป่วยผ่านโทรศัพท์ วันละ 1 ครั้ง

หากมีไม่มีอาการ แพทย์จะสั่งจ่ายยาฟ้าทลายโจร แต่ถ้าเริ่มมีอาการหรือมีโรคประจำตัวที่สามารถควบคุมได้ แพทย์จะสั่งจ่ายยาฟาวิพิราเวียร์ไปที่บ้าน พร้อมกับส่งอาหารให้ผู้ป่วยที่บ้าน 3 มื้อ ซึ่งค่าใช้จ่ายส่วนนี้ ทางโรงพยาบาลจะเบิกจ่ายกับ สปสช. โดยเป็นค่าอุปกรณ์ไม่เกิน 1,100 บาท ค่าดูแลผู้ป่วยรวมอาหาร 3 มื้อ ไม่เกิน 1,000 บาทต่อวัน

โดยวิธีการแบบ Home isolation หรือ แนวทางการรักษาผู้ป่วย โควิด-19 ที่บ้าน มีการนำร่องที่โรงพยาบาลราชวิถีในผู้ป่วย 18 ราย พบว่า 16 รายอาการดีขึ้น ส่วนอีก 2 รายอาการแย่ลง ถูกส่งกลับมารักษาต่อที่โรงพยาบาลราชวิถี เบื้องต้น การรักษาแนวทางดังกล่าวใช้กับผู้ป่วยที่ใช้สิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า หรือ บัตรทอง ส่วนผู้ที่อยู่ในสิทธิประกันสังคม และสิทธิข้าราชการ จะมีการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป

สำหรับกลุ่มผู้ติดเชื้อ โควิด-19 ที่สามารถกักตัวได้ที่บ้าน (Home isolation) นั้น

  1. อายุน้อยกว่า 60 ปี ไม่มีอาการ (asymptomatic cases)
  2. สุขภาพร่างกายแข็งแรง
  3. อยู่คนเดียว หรือมีผู้อยู่ร่วมที่พักไม่เกิน 1 คน
  4. ไม่มีภาวะอ้วน (ภาวะอ้วน หมายถึง ดัชนีมวลกาย > 30 กก./ม.2 หรือ น้ำหนักตัว > 90 กก.)
  5. ไม่ป่วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) โรคไตเรื้อรัง (CKD) โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง โรคเบาหวานที่ควบคุมไม่ได้ และโรคอื่นๆ ตามดุลยพินิจของแพทย์
  6. ผู้ป่วยยินยอมแยกตัวในที่พักของตนเองอย่างเคร่งครัด

ส่วนข้อปฏิบัติสำหรับการกักตัวที่บ้าน (Home isolation)

  1. ห้ามผู้ใดมาเยี่ยมบ้านระหว่างแยกกักตัว
  2. ไม่เข้าใกล้หรือสัมผัสกับผู้สูงอายุหรือเด็กอย่างเด็ดขาด โดยรักษาระยะห่างอย่างน้อย 2 เมตร
  3. แยกห้องพัก ของใช้ส่วนตัวกับผู้อื่น หากแยกห้องไม่ได้ควรแยกบริเวณที่นอนให้ห่างจากคนอื่นมากที่สุด และควรเปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเทได้ดี ไม่ควรนอนร่วมกันในห้องปิดที่ใช้เครื่องปรับอากาศ
  4. หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารร่วมกัน ควรรับประทานในห้องของตนเอง หรือหากรับประทานอาหารด้วยกันควรแยกรับประทานของตนเอง ไม่รับประทานอาหารร่วมสำรับเดียวกันหรือใช้ช้อนกลางร่วมกัน และรักษาระยะห่างระหว่างกันอย่างน้อย 2 เมตร
  5. สวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้าตลอดเวลาเมื่อออกมาจากห้องที่พักอาศัย
  6. ล้างมือด้วยสบู่หรือทำความสะอาดมือด้วยแอลกอฮอล์เจลทุกครั้งที่จำเป็นจะต้องสัมผัสกับผู้อื่นหรือหยิบจับของที่จะต้องใช้ร่วมกับผู้อื่น
  7. แยกซักเสื้อผ้า ผ้าขนหนู และเครื่องนอน ด้วยน้ำและสบู่หรือผงซักฟอก ควรใช้ห้องน้ำแยกจากผู้อื่น หากเลี่ยงไม่ได้ให้ใช้คนสุดท้าย ปิดฝาชักโครกก่อนกดน้ำและหมั่นทำความสะอาดอยู่เสมอ

สิ่งสำคัญ คือ หมั่นสังเกตอาการตนเอง วัดอุณหภูมิทุกวัน หากมีอาการแย่ลง คือ มีอาการอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้ เช่น หอบ เหนื่อย ไข้สูงลอย ไม่สามารถปฏิบัติกิจกรรมในชีวิตประจำวันได้ ให้รีบโทรติดต่อโรงพยาบาลที่ท่านรักษาอยู่ และเมื่อต้องเดินทางไปโรงพยาบาลให้ใช้รถยนต์ส่วนตัว ไม่ใช้รถสาธารณะ พร้อมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่เดินทาง หากมีผู้ร่วมยานพาหนะมาด้วย ให้เปิดหน้าต่างรถเพื่อเพิ่มการระบายอากาศเพื่อความปลอดภัยแต่คนรอบข้าง

ด้าน ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข  กล่าวถึงข้อเสนอการดูแลกักตัวที่บ้าน Home Isolation ว่า จะเน้นในผู้ป่วยโควิดสีเขียวที่ไม่มีอาการรักษาที่บ้าน  โดยได้มีการหารือกับภาคเอกชน พัฒนาเทคโนโลยี เช่น จัดทำระบบติดตามตัว ระบบข้อความแจ้งเตือน และระบบการรายงานผลออกซิเจนและอุณหภูมิ รายงานผลไปยังโรงพยาบาลต้นสังกัด หรือโรงพยาบาลที่ดูแล ให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาอย่างเหมาะสมทันท่วงทีและเร็วที่สุด เพื่อป้องกันกรณีที่มีอาการหนักแต่ไม่ได้รับการดูแล รวมถึงเป็นการช่วยลดภาระงานของบุคลากรทางการแพทย์อีกด้วย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเดินหน้าพัฒนา

Back to top button