SET ปิดบวก 12 จุด หลังร่วงยาว 8 วันติด คาดพรุ่งนี้ซึมรอปัจจัยใหม่หนุน

นายวิจิตร อายะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุน บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งในแดนบวกหลังตอบรับมาตรการคุมโควิดระบาดไปแล้ว และบ่ายนี้ก็มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ-ช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากมาตรการคุมโควิดระบาด แม้เม็ดเงินช่วยเหลือจะไม่มากแต่ก็ทำให้ไม่แย่ไปมากนัก และเป็นการช่วยเหลือทั้งผู้ประกอบการ และลูกจ้าง ซึ่งตลาดฯวันนี้ฟื้นตัวหลังตอบรับปัจจัยลบไปพอควรแล้ว ตลาดฯจึงเกิดเทคนิคเคิลรีบาวด์หลังปรับตัวลงไปมากแล้ว ขณะที่ยังต้องติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในประเทศต่อไป หลังจำนวนผู้ติดเชื้อยังอยู่ในระดับสูง และการฉีดวัคซีนก็มีความล่าช้า

ทั้งนี้ ตลาดฯไม่มีปัจจัยใหม่ช่วงนี้ ทำให้เห็นวอลุ่มเทรดโดยรวมน้อยลง จากก่อนหน้านี้เทรดราวหลักแสนล้านบาท ตอนนี้เหลือแค่ 5-6 หมื่นล้านบาทเอง ซึ่งวอลุ่มเทรดที่ถอยลงมาทำให้เริ่มเห็นโมเมนตัมที่เล่นยากขึ้น และตลาดฯก็ยังมีปัจจัยถ่วงจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดที่ยังสูง และการฉีดวัคซีนก็ล่าช้าด้วย

ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียวันนี้ส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนลบเฉลี่ย -0.6% สวนทางตลาดในยุโรปที่เทรดบ่ายนี้สามารถอยู่ในแดนบวกได้เฉลี่ยราว 0.5% ซึ่งทำให้ตลาดบ้านเราได้รับโมเมนตัมบวกจากตลาดยุโรปด้วย พร้อมกันนี้ให้ติดตามตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯที่จะออกมาในวันศุกร์นี้ และติดตามการประชุมกลุ่มโอเปกในวันที่ 1 ก.ค.นี้ ซึ่งอาจจะเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันขึ้นบ้างหลังจากที่ราคาน้ำมันปรับขึ้น

แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (30 มิ.ย.) นายวิจิตร กล่าวว่า ตลาดฯคงจะแกว่งซึมในช่วงรอปัจจัยใหม่เข้ามา พร้อมให้แนวรับ 1,570 จุด ส่วนแนวต้าน 1,600 จุด

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่

KBANK มูลค่าการซื้อขาย 4,592.92 ล้านบาท ปิดที่ 118.50 บาท ลดลง  0.50 บาท

RCL มูลค่าการซื้อขาย 2,341.30 ล้านบาท ปิดที่ 56.50 บาท เพิ่มขึ้น 5.50 บาท

BANPU มูลค่าการซื้อขาย 1,808.50 ล้านบาท ปิดที่ 15.60 บาท ลดลง 0.30 บาท

SCGP มูลค่าการซื้อขาย 1,614.16 ล้านบาท ปิดที่ 59.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท

GUNKUL มูลค่าการซื้อขาย 1,601.47 ล้านบาท ปิดที่ 4.76 บาท ลดลง 0.06 บาท