ดีเดย์ MENA เทรดวันแรก! ลุ้นวิ่งทะลุเป้า 1.45 บ. โบรกฯ ฟันกำไรปี 64-65 โตเฉลี่ย 18%

“มีนาทรานสปอร์ต” หรือ MENA เทรดวันแรก! ลุ้นวิ่งทะลุเป้า 1.45 บ. จากราคา IPO ที่ 1.20 บ. โบรกฯ ประเมินกำไรขาขึ้น คาดปี 64-65 โตเฉลี่ย 18%


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ ( 7 ก.ค.) หลักทรัพย์หุ้นสามัญของบริษัท มีนาทรานสปอร์ต จำกัด (มหาชน) หรือ MENA ผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการขนส่งสินค้าด้วยรถลากจูงหรือรถเทรลเลอร์ (Trailer)  ให้บริการขนส่งคอนกรีตผสมเสร็จด้วยรถผสมคอนกรีตหรือรถมิกเซอร์ (Mixer) และการขายสินค้าวัสดุก่อสร้าง อุปกรณ์ และเครื่องมือเครื่องใช้ในการก่อสร้าง จะเริ่มทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในกลุ่มบริการ หมวดขนส่งและโลจิสติกส์ เป็นวันแรก

โดยมีจำนวนหุ้นจดทะเบียนกับตลท. 734 ล้านหุ้น ราคา Par หุ้นละ 0.50 บาท โดยเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 184 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 1.20 บาท โดยมี บริษัท ที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และมีบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด เป็นผู้จัดการการจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญ

ทั้งนี้ นางสุวรรณา ขจรวุฒิเดช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MENA เปิดเผยว่า บริษัทมีความมุ่งมั่นในการขยายการเติบโต และรักษาความเป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจให้บริการขนส่งคอนกรีตผสมเสร็จด้วยรถผสมคอนกรีต หรือรถมิกเซอร์ และเทรลเลอร์ รายใหญ่ของประเทศ ด้วยจุดเด่นในการบริหารจัดการรถมากกว่า 500 คัน และพนักงานจัดส่งมากกว่า 500 คน ซึ่งอยู่ในระดับต้นๆ ของอุตสาหกรรม

สำหรับวัตถุประสงค์ในการระดมทุนนั้นบริษัทจะนำเงินที่ได้ขยายกองยานเพื่อรองรับงานโครงการของกลุ่มลูกค้าและพื้นที่ให้บริการครอบคลุมทุกภูมิภาคของประเทศ สนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและภาคอุตสาหกรรม และงานโครงสร้างพื้นฐานของทางภาครัฐ เช่น โครงการ EEC โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน โครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ระยะที่ 1 กทม.-นครราชสีมา และโครงการรถไฟทางคู่ สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ เป็นต้น พร้อมกันนี้ MENA มีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะบริหารธุรกิจด้วยมาตรฐาน โปร่งใส และมีธรรมาภิบาลที่ดี เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน

นอกจากนั้นบริษัทฯ มีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่า 40% โดยพิจารณาจากงบการเงินเฉพาะกิจการภายหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และจัดสรรทุนสำรองตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม MENA อาจพิจารณาจ่ายเงินปันผลแตกต่างไปจากนโยบายที่กำหนดไว้ได้ โดยจะขึ้นอยู่กับผลประกอบการ ฐานะการเงิน สภาพคล่องทางการเงิน ความจำเป็นในการใช้เงินเพื่อบริการกิจการและขยายธุรกิจ รวมถึงภาวะเศรษฐกิจ

ด้าน บล.เอเชีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า MENA คือผู้ให้บริการขนส่งปูนซีเมนต์และคอนกรีตผสมเสร็จรายใหญ่ของประเทศสามารถให้บริการขนส่งได้ทั่วประเทศ โดยมีบุคลากรขับรถที่ชำนาญงานกว่า 512 คน และกองยานรถ Mixer เทคอนกรีตมากที่สุดในประเทศจำนวน 466 คัน และรถ Trailer จำนวน 75 คัน พร้อมระบบการจัดการที่มีประสิทธิภาพเพื่อควบคุมเชื้อเพลิงไม่ให้สิ้นเปลือง มีลูกค้าหลักคือผู้นำในอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ของประเทศ อาทิ กลุ่มปูนซีเมนต์นครหลวง กลุ่มปูนเอเชียและผู้ขายคอนกรีตรายใหญ่อย่าง CPAC เป็นต้น

ทั้งนี้คาดกำไรปี 2564-2566 เติบโตเฉลี่ยปีละ 16% จากปี 2563 ที่ 35 ล้านบาท ขึ้นสู่ระดับ 54 ล้านบาทในปี 2566 โดยกำไรที่จะเติบโต 19.7% เมื่อเทียบจากปีก่อนในปี 2564 จากรายได้ธุรกิจขนส่งด้วยรถ Mixer (สัดส่วนรายได้ 68% ที่เติบโต 11% เมื่อเทียบจากปีก่อน ตามการขยายกองยานรถขนส่ง รองรับลูกค้ากลุ่มโรงปูนที่ต้องการขยายกองยานรถเพื่อใช้ในงานก่อสร้างทางรถไฟเชื่อม 3 สนามบิน และรถไฟไทย-จีน เป็นต้น

ขณะที่รายได้ธุรกิจขนส่งด้วยรถ Tailer (สัดส่วนรายได้ 27%) คาดรายได้ลดลง 3% เมื่อเทียบจากปีก่อน หลังการขายรถ Tailer ออกไปบางส่วน ประเมินมูลค่าพื้นฐานสิ้นปี 2565 ที่ 1.45 บาท อิง PER ที่ 22 เท่า ตามค่าเฉลี่ยหุ้นเปรียบเทียบในกลุ่มวัสดุก่อสร้างและกลุ่มขนส่งใหม่ คาดหวังเงินปันผลปีนี้ 0.03 บาท

ส่วนบล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า MENA เป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจให้บริการรถ Mixer ซึ่งได้ประโยชน์โดยตรงจากอุตสาหกรรมก่อสร้างที่กลับมาเติบโตทั้งภาคอสังหาฯ และโดยเฉพาะการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐที่เร่งตัวขึ้น หนุนความต้องการปูนซีเมนต์และคอนกรีตผสมสำเร็จ ซึ่ง MENA มีแผนขยาย Fleet รถรองรับการเติบโตและใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ

ขณะที่ธุรกิจบริการรถ Trailer คาดทยอยปรับตัวขึ้นตาม Utilization Rate หลังมีโอกาสได้งานเพิ่ม จึงคาดกำไรสุทธิปี 2564-2565 จะกลับมาเป็นขาขึ้นอีกครั้ง โดยคาดเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) 18% พร้อมประเมินมูลค่าพื้นฐานปี 2565 ที่ 1.20 บาท

Back to top button