ไทยหวังอีก 3 ชนิดกีฬาลุ้น “เหรียญโอลิมปิก” หลัง “น้องเทนนิส” ประเดิมคว้าทอง
ประเดิมทีมชาติไทย "น้องเทนนิส" คว้า 1 เหรียญทอง กีฬาเทควันโด จับตาอีก 3 ประเภทกีฬาที่ถูกยกให้เป็นตัวเต็งในการล่าเหรียญทองโอลิมปิก 2020 อย่าง กีฬามวยสากล, กอล์ฟ, แบดมินตัน
ผู้สื่อข่าวรายงาน การแข่งขันมหกรรมกีฬา โอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีพิธีเปิดไปอย่างยิ่งใหญ่เมื่อคืนวันศุกร์ที่ 23 ก.ค.2564 ที่ผ่านมาอย่างเป็นทางการประจักษ์สายตาไปทั่วโลก โดยช่วงเวลาการแข่งขันจะอยู่ในช่วงระหว่างวันที่ 23 กรกฎาคม จนถึงวันที่ 8 สิงหาคม 2564 ทั้งนี้มีนักกีฬาชาวไทยที่เข้าไปแข่งขัน ในโอลิมปิกเกมส์ 2020 ครั้งนี้มีถึง 37 โควตา รวมนักกีฬาทั้งหมด 42 คน จาก 14 ชนิดกีฬาที่เข้าไปแข่งขันประกอบไปด้วยกีฬายิงปืนเป้าบิน, ขี่ม้า, เทควันโด, จักรยาน, เรือใบวินด์เซิร์ฟ, มวยสากลสมัครเล่น, กรีฑา, เทเบิลเทนนิส, เรือแคนู, เรือกรรเชียง, กอล์ฟ, ยูโด, ว่ายน้ำ และ แบดมินตัน
กระทั้งได้มีการประเดิมคว้าเหรียญทองเหรียญแรกให้กับพี่น้องประชาชนชาวไทย ในการแข่งขันกีฬาเทควันโดที่มีการแข่งขันไปเมื่อวันที่ 24 ก.ค.2564 ด้วย นางสาวพาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ หรือ “เทนนิส” สามารถคว้าเหรียญทอง ภายหลังเอาชนะ“อาเดรียนา เซเรโซ อิเกลเซียส” นักเทควันโดชาวสเปน ซึ่งผลงานในครั้งนี้ส่งให้ “เทนนิส” เป็นนักกีฬาไทยรายแรกในโอลิมปิก 2020 ที่คว้าเหรียญทองได้สำเร็จ ตามความคาดหวังของสมาคมกีฬา 1 ใน 5 กีฬาตัวเต็งที่จะสามารถคว้าเหรียญทองได้
ทั้งทางสมาคมกีฬายังคงมีความหวังกับตัวเต็งกีฬาที่มีโอกาสคว้าเหรียญโอลิมปิกฝากพี่น้องชาวไทยต่อจากกีฬาเทควันโดก็ยังมี กีฬามวยสากล หลังจากปรากฏ “เจ้าสด” ฉัตร์ชัยเดชา บุตรดี โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมเมื่อเดินหน้าไล่อัดเอาชนะ ปีเตอร์ แม็คเกรล นักชกจากสหราชอาณาจักร ไปได้ขาดลอย 5-0 คะแนนเสียง ผ่านเข้าสู่รอบ 16 คนสุดท้ายได้สำเร็จ โดยมีโปรแกรมขึ้นชกในรอบต่อไปในวันที่ 28 กรกฎาคม 2564
สำหรับ “ฉัตร์ชัยเดชา” เป็นตัวแทนหนึ่งเดียวจากนักชกชาย ซึ่งเจ้าตัวปัจจุบัน อายุ 35 ปี โดยผ่านโอลิมปิกมาแล้ว 2 สมัย 2012, 2016 แต่ยังไม่ได้รับเหรียญจากโอลิมปิกและนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายของเจ้าตัวในการลุยโอลิมปิก จึงเชื่อว่าจะมีความตั้งใจเป็นพิเศษ รวมถึงประสบการณ์ที่โชกโชนบนสังเวียนผ้าใบ อย่างน้อยต้องมีเหรียญใดเหรียญหนึ่งติดมือกลับมาฝากคนไทย
พร้อมกับนักกีฬาไทยที่จะได้ใช้สังเวียนแห่งนี้ในการลุ้นเหรียญทองมีอยู่ 4 คนด้วยกัน ไล่ตั้งแต่ “จุฑามาศ จิตรพงศ์” มวยสากลรุ่น 51 กิโลกรัมหญิงโชว์ชั้นเชิงการชกไล่ต้อนเอาชนะสาวจากแอลจีเรียไปอย่างขาดลอย 5-0 เสียง ผ่านเข้าสู่รอบ 16 คนสุดท้าย ไปพบกับ ไอริช แม็กโน นักชกจากฟิลิปปินส์ต่อไป นอกจากนี้ยังมีความหวังจาก “สุดาพร สีสอนดี” มวยสากลรุ่น 60 กิโลกรัมหญิง, “ใบสน มณีก้อน” มวยสากลรุ่น 69 กิโลกรัมหญิง และ ฉัตร์ชัยเดชา บุตรดี มวยสากลรุ่น 57 กิโลกรัมชาย
ถัดมากีฬาตัวเต็งที่ทุกคนให้ความหวัง กอล์ฟ ที่มี “โปรเม” เอรียา จุฑานุกาล นักกอล์ฟสาวอดีตมือ 1 ของโลก ซึ่งเป็นอีกความหวังในการคว้าเหรียญโอลิมปิกครั้งนี้ ด้วยชื่อชั้นแล้ว “โปรเม” ก็เป็นที่ยอมรับของวงการกอล์ฟอยู่แล้ว ซึ่งใครจะประมาทไม่ได้ ด้วยผลงาน 11 แชมป์ LPGA และอีก 2 แชมป์รายการระดับเมเจอร์ จึงเป็นอีก 1 เหรียญทองที่น่าลุ้นของแฟนกีฬาชาวไทย
ส่วนด้านกอล์ฟชายไทยมี “โปรแจ๊ส” อติวิชญ์ เจนวัฒนานนท์ โปรมือ 129 ของโลก และ “โปรกัญจน์” เจริญกุล นักกอล์ฟมือ 259 ของโลกเข้าร่วม ขณะที่ในฝ่ายหญิงมีโปรไทยเข้าร่วมการแข่งขัน 2 คนเช่นกัน ได้แก่ “โปรแพตตี้” ปภังกร ธวัชธนกิจ โปรหญิงมือ12 ของโลก และ “โปรเม” เอรียา จุฑานุกาล มืออันดับ 21 ของโลก โดยการแข่งขันกอล์ฟชายระหว่างวันที่ 29 กรกฎาคม ถึง 1 สิงหาคม และกอล์ฟหญิงระหว่างวันที่ 4-7 สิงหาคม
นอกจากนี้ที่พลาดไม่ได้สำหรับกีฬาเต็งแบดมินตัน ซึ่งมีขวัญใจชาวไทยอย่าง “เมย์” รัชนก อินทนนท์ ที่เป็นอีกหนึ่งตัวเต็งในการคว้าเหรียญทอง ที่จะลงแข่งขันในโอลิมปิกเป็นสมัยที่ 3 ติดต่อกัน ซึ่งถือว่าเป็นผู้แข่งขันที่มากประสบการณ์ และมีร่างกายที่ดีบวกความสามารถ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งความหวังในการคว้าเหรียญทอง ของไทยได้
อย่างไรก็ตาม “แบดมินตัน” เป็นอีกหนึ่งชนิดกีฬาที่มีนักกีฬาผ่านเข้ามาแข่งขันรอบสุดท้ายเยอะสุด โดยในประเภทคู่ผสม ที่เป็นการจับคู่กันของ “บาส” เดชาพล พัววรานุเคราะห์ และ “ปอป้อ” ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย คู่มือ 2 ของโลกเวลานี้ ที่ปีที่ผ่านมาสามารถคว้า 3 แชมป์ ในรายการระดับซูเปอร์เวิลด์ทัวร์ วันเทาซันด์ ภายใน 3 สัปดาห์ติดต่อกันอีกด้วย ล่าสุดในการแข่งขันรอบแบงกลุ่มทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมคว้าชัยชนะไปแล้ว 2 แมตช์ ไปเมื่อวันที่ 24 ก.ค. 2564 และ 25 ก.ค.2564 จึงถูกยกให้เป็นอีกหนึ่งตัวเต็งในการลุ้นคว้าเหรียญทอง ในโอลิมปิก ครั้งนี้ด้วย
ขณะเดียวกันหากพูดถึงแบดมินตันไทยต้องมีลุ้นเหรียญรางวัลจากนักกีฬา 7 คนใน 4 ประเภทการแข่งขัน ไล่ตั้งแต่ “กันต์” กันตภณ หวังเจริญ ในประเภทชายเดี่ยว, “เมย์” รัชนก อินทนนท์ และ “ครีม” บุศนันทน์ อึ๊งบำรุงพันธุ์ ในประเภทหญิงเดี่ยว, จงกลพรรณ กิติธรากุล กับ รวินดา ประจงใจ ในประเภทหญิงคู่ และ เดชาพล พัววรานุเคราะห์ กับ ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย ในประเภทคู่ผสมด้วย โดยแบดมินตันจะแข่งขันกันระหว่างวันที่ 24 กรกฎาคม ถึง 2 สิงหาคม