“พาวเวล” ไม่เร่งขึ้นดบ. คาดหวังตลาดแรงงานสหรัฐฟื้นแกร่ง
“เจอโรม พาวเวล” ส่งสัญญาณไม่เร่งขึ้นดอกเบี้ยในเร็วๆ นี้ รอตลาดแรงงานสหรัฐแข็งแกร่งก่อนตัดสินใจถอนกระตุ้นเศรษฐกิจ
นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมนโยบายการเงินเมื่อวานนี้ (28 ก.ค.) โดยระบุว่า เฟดยังคงอยู่ห่างไกลจากการพิจารณาเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย พร้อมกับกล่าวว่า ตลาดแรงงานสหรัฐยังคงต้องได้รับการฟื้นฟูให้แข็งแกร่งมากขึ้น ก่อนที่เฟดจะตัดสินใจถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ได้นำมาใช้ตั้งแต่ช่วงฤดูใบไม้ผลิของปี 2563 เพื่อรับมือกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
“ผมคิดว่าเรายังอยู่ห่างไกลจากการไปถึงเป้าหมายของการจ้างงานอย่างเต็มศักยภาพ เรายังจำเป็นต้องฟื้นฟูตลาดแรงงาน และผมอยากเห็นตัวเลขจ้างงานที่แข็งแกร่ง” นายพาวเวล กล่าว
โดยการประชุมครั้งนี้ แม้คณะกรรมการเฟดมีความเห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง แต่นายพาวเวลกล่าวว่า เฟดยังไม่มีแนวโน้มที่จะพิจารณาเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆ นี้ ส่วนในเรื่องเงินเฟ้อนั้น นายพาวเวลคาดว่า อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐจะยังคงพุ่งขึ้นในช่วงหลายเดือนข้างหน้า ก่อนที่จะค่อยๆ ปรับตัวลงสู่ระดับปกติ เนื่องจากสหรัฐเผชิญกับภาวะติดขัดด้านอุปทาน
“ในขณะที่การเปิดเศรษฐกิจของสหรัฐยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้น เราได้เห็นแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่เป็นผลมาจากการพุ่งขึ้นของราคาผู้บริโภค เนื่องจากภาวะติดขัดด้านอุปทานในบางภาคส่วนได้ส่งผลกระทบต่อการผลิต อัตราเงินเฟ้ออาจจะดีดตัวขึ้นสู่ระดับสูงกว่าและยืดเยื้อยาวนานกว่าที่คาดการณ์ไว้ หากเรามองเห็นสัญญาณว่า การคาดการณ์เงินเฟ้อในระยะยาวกำลังเพิ่มขึ้นและเกิดขึ้นยาวนานกว่าเป้าหมายของเรา เราก็พร้อมที่จะปรับนโยบายการเงิน” นายพาวเวล กล่าว
ด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ดีดตัวขึ้น 0.9% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2551 และพุ่งขึ้น 5.4% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นการพุ่งขึ้นมากที่สุดในรอบ 13 ปี
ส่วนการที่จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 พุ่งขึ้นทั่วสหรัฐในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น นายพาวเวลไม่ได้แสดงความกังวลมากนักเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์เดลตา โดยสิ่งที่เห็นก็คือผลกระทบในขณะนี้มีน้อยกว่าเมื่อปีที่แล้ว ดูเหมือนว่าได้เรียนรู้ที่จะรับมือกับมัน ทำให้คิดว่าประชาชนเองก็อยากจะกลับไปใช้ชีวิตตามปกติ และคาดหวังว่าจะได้กลับไปใช้ชีวิตที่ปกติอีกครั้งเมื่อเวลาผ่านไป
นอกจากนี้ นายพาวเวลกล่าวว่า เฟดยังไม่ได้ตัดสินใจเกี่ยวกับช่วงเวลาในการปรับลดวงเงินในโครงการซื้อสินทรัพย์ โดยเขาระบุว่า “เราคาดว่าหากทุกสิ่งดำเนินไปด้วยดี เราก็จะบรรลุเป้าหมายตามที่วางไว้ เมื่อเราบรรลุเป้าหมายแล้วและคณะกรรมการเฟดพึงพอใจในการบรรลุเป้าหมายนั้น เราก็จะเริ่มปรับลดวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในตอนนั้น”
สำหรับการประชุมเฟดครั้งนี้ ที่ประชุมมีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.00-0.25% พร้อมระบุว่าเฟดจะยังคงซื้อพันธบัตรตามมาตรการ QE อย่างน้อย 120,000 ล้านดอลลาร์/เดือน โดยเฟดจะซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐวงเงิน 80,000 ล้านดอลลาร์/เดือน และซื้อตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันการจำนอง (MBS) ในวงเงิน 40,000 ล้านดอลลาร์