ผถห. TRUBB ไฟเขียวดัน “เวิลด์เฟล็กซ์” เข้า SET – เพิ่มทุน RO – PP พ่วงแจก “วอแรนต์”

ผู้ถือหุ้น TRUBB โหวตหนุนแผนดัน "เวิลด์เฟล็กซ์" เข้าจดทะเบียนใน SET คาดยื่นไฟลิ่ง Q3/64 ขายไอพีโอ 142 ล้านหุ้น พร้อมอนุมัติเพิ่มทุน 340.74 ล้านหุ้น แบ่งขายผู้ถือหุ้นเดิมในอัตรา 5:1 ราคาหุ้นละ 2.20 บาท ควบแจก TRUBB-W2 ฟรี รองรับแผนธุรกิจน้ำยางข้น-น้ำยางแปรรูป-ผลิตและจำหน่ายถุงมือยาง


นายภัทรพล วงศาสุทธิกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยรับเบอร์ลาเท็คซ์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TRUBB เปิดเผยว่า ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2564 ในวันที่ 30 กรกฎาคม 2564 ที่ผ่านมา มีมติอนุมัติแผนการนำ บริษัท เวิลด์เฟล็กซ์ จำกัด (มหาชน) (WFX) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ โดย TRUBB ถือหุ้นใน WFX ในสัดส่วน 95.59% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว เพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) โดยคาดการณ์กำหนดการยื่นแบบคำขอและร่างหนังสือชี้ชวนภายในไตรมาส 3/2564

โดยกำหนดจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ WFX จำนวนไม่เกิน 142,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1.00 บาท ดังนี้ (1) จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ WFX จำนวนไม่เกิน 11,360,000 หุ้น เพื่อเสนอขายให้ผู้ถือหุ้นเดิมของ บมจ.ไทยรับเบอร์ลาเท็คซ์กรุ๊ป ตามสัดส่วนการถือหุ้นใน TRUBB (Pre-emptive Rights) (2) จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ WFX จำนวนไม่เกิน 14,200,000 หุ้น เพื่อเสนอขายให้แก่กรรมการ ผู้บริหาร และ/หรือพนักงานของ WFX และ (3) จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ WFX จำนวนประมาณ 116,440,000 หุ้น เพื่อเสนอขายต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก

นอกจากนี้ ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นได้อนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ จำนวน 340,739,842 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิมจำนวน 681,479,688 บาท เป็นทุนจดทะเบียนจำนวน 1,022,219,530 บาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่จำนวนไม่เกิน 340,739,842 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1.00 บาท

ทั้งนี้ หุ้นเพิ่มทุนดังกล่าวจะแบ่งออกเป็นสามส่วนคือ (ก) เสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (Right Offering) จำนวน 136,295,937 หุ้น โดยมีราคาเสนอขาย 2.20 บาทต่อหุ้น คิดเป็นมูลค่า 299,851,061.40 บาท  ในอัตราส่วนการจัดสรร 5 หุ้นสามัญเดิมต่อ 1 หุ้นสามัญเพิ่มทุน โดยกำหนดให้วันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนตามสัดส่วนการถือหุ้นพร้อม TRUBB-W2 (Record Date) ในวันที่ 9 สิงหาคม 2564 และกำหนดวันจองซื้อและชำระเงินค่าหุ้นสามัญเพิ่มทุนในระหว่างวันที่ 1- 8 กันยายน 2564

(ข) รองรับการใช้สิทธิของใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทฯ ครั้งที่ 2 (TRUBB-W2)  ที่จัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ ที่จองซื้อและชำระค่าหุ้นสามัญเพิ่มทุนตามสัดส่วนการถือหุ้นจำนวน 136,295,937 หน่วย โดยไม่คิดมูลค่า โดยมีอัตราส่วนการจัดสรร  1 หุ้นสามัญเพิ่มทุน ต่อ 1 หน่วย TRUBB-W2  อายุใบสำคัญแสดงสิทธิ  3 ปี มีอัตราการใช้สิทธิ  1 หน่วย TRUBB-W2 มีสิทธิซื้อหุ้นสามัญ 1 หุ้น โดยกำหนดราคาใช้สิทธิ 6 บาทต่อหุ้น

(ค) เพิ่มทุนจดทะเบียน แบบมอบอำนาจทั่วไป (General Mandate) เพื่อเสนอขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) จำนวนไม่เกิน 68,147,968 หุ้น คิดเป็นไม่เกินร้อยละ 10 ของทุนชำระแล้วของบริษัทฯ

“ต้องขอขอบคุณผู้ถือหุ้นทุกท่าน ที่อนุมัติแผนเพิ่มทุนของ TRUBB ในครั้งนี้ เนื่องจากจะทำให้ฐานะทางการเงินของบริษัทฯมีความแข็งแกร่งและมั่นคง รองรับแผนการขยายธุรกิจ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้และกำไรในอนาคต เนื่องด้วยปัจจุบันธุรกิจหลักของบริษัทฯ คือการผลิตและจำหน่ายน้ำยางข้นและผลพลอยได้จากน้ำยาง ซึ่งผลิตภัณฑ์น้ำยางข้นจะนำไปเป็นส่วนประกอบหลักในการผลิตถุงมือแพทย์, ถุงมือยางทำความสะอาด, ถุงยางอนามัย, เส้นด้ายยางยืด, กาว, ลูกโป่ง, จุกนมยางสำหรับเด็ก, โฟม หมอน และที่นอน เป็นต้น ซึ่งจากความผันผวนของราคายางและสภาพอากาศที่ผลิตยาง ประกอบกับแนวโน้มของค่าแรงที่สูงขึ้นในอนาคต รวมถึงการชะลอตัวของภาวะเศรษฐกิจ อันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19”

นายภัทรพล กล่าวอีกว่า บริษัทฯมีแผนที่จะปรับปรุงโครงสร้างทางการเงิน เพิ่มสภาพคล่อง และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ขยายธุรกิจน้ำยางข้นและน้ำยางแปรรูป อันเป็นธุรกิจปัจจุบันของบริษัทฯ ให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันเพิ่มมากขึ้น และขยายธุรกิจเข้าสู่การผลิตและจำหน่ายถุงมือยาง ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีความต้องการและเติบโตสูงขึ้นมากจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และถือเป็นกลยุทธ์การเจริญเติบโตแนวดิ่ง (Vertical Growth Strategy)

ทั้งนี้ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ครบถ้วน อันเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และเป็นการลดความเสี่ยงในการพึ่งพิงรายได้จากผลิตภัณฑ์ยางน้ำข้นและผลพลอยได้จากน้ำยาง ทำให้บริษัทฯ จึงมีความจำเป็นต้องจัดหาแหล่งเงินทุน ซึ่งไม่เป็นภาระกับผู้ถือหุ้นเดิมเกินกว่าความจำเป็น และเพื่อให้ได้เงินทุนเพียงพอในการบริหารงาน โดยการออกหุ้นเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจง เพื่อจะช่วยให้บริษัทฯ มีฐานเงินทุนที่เข้มแข็งพร้อมสำหรับการลงทุนในอนาคต

Back to top button