“ฟินันเซีย” แนะขาย SPVI มอง “ล็อกดาวน์” กระทบกำไร Q3 หนัก
“บล.ฟินันเซีย ไซรัส” แนะนำขาย SPVI ราคาเป้า 5.60 บ. ชี้ขยาย “ล็อกดาวน์” กดดันกำไรไตรมาส 3/64 เหลือโตหลักเดียว มองผลงานจะเริ่มฟื้นช่วงไตรมาส 4/64 หลัง Apple เปิดตัวสินค้าใหม่
บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ ขณะนี้แนะนำ “ขาย” หุ้น บริษัท เอส พี วี ไอ จำกัด (มหาชน) หรือ SPVI โดยบริษัทรายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2/64 ที่ 17 ล้านบาท ลดลง 50.2% จากไตรมาสก่อน จากปัจจัยฤดูกาล และเติบโต 44.8% จากปีก่อน จากฐานต่ำในปีก่อน กอปรกับเทรนด์ Learn from Home จากสถานการณ์ COVID-19 กับการที่บริษัทพยายามขยายร้าน U-Store และ A-Store เจาะตลาดกลุ่มลูกค้านักศึกษามาหลายปี ทำให้สามารถยึดหัวหาดที่สำคัญไว้ได้
ส่งผลให้รายได้โตดี เพิ่มขึ้น 67.2% จากปีก่อน (แต่ ลดลง 15.5% จากไตรมาสก่อน เพราะไตรมาส 2 เป็น Low season) สินค้าขายดีคือ iPad Gen8 ที่มีราคาถูกและใช้เป็นสื่อการเรียนการสอนได้ดี ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นออกมาต่ำกว่าที่คาดอยู่ที่ 9.1% ในไตรมาส 2/64 จาก 10.2% ในไตรมาส 2/63 เหตุเพราะถูกกดดันจากสัดส่วนยอดขายสินค้า Apple ที่มากขึ้นและราคาขายสินค้า เฉลี่ยต่อชิ้นต่ำลง อัตราส่วน SG&A t/o sales อยู่ที่ 8.3% ในไตรมาส 2/64 เทียบ 9.1% ในไตรมาส 2/63 ดีขึ้นจากการควบคุมค่าใช้จ่ายและการจัดเก็บหนี้อย่างมีอย่างมีประสิทธิภาพ
โดย ณ สิ้นไตรมาส 2/64 SPVI มีร้านค้าทั้งหมด 62 สาขา คาดว่า SPVI จำเป็นต้องปิดร้านถึงหนึ่งในสามของสาขาทั้งหมด และอาจจะต้องปิดเพิ่มหากสถานการณ์ COVID-19 เลวร้ายลง คาดว่าระยะเวลาล็อกดาวน์ในครั้งนี้อาจถูกขยายออกไป ทำให้กำไรไตรมาส 3/64 อาจเหลือเพียงเลขตัวเดียว ก่อนที่จะเริ่มทยอยเปิดร้านทันเวลาก่อนสินค้า Apple รุ่นใหม่ถูกวางขายช่วงปลายปี ด้วยผลกระทบจากมาตรการล็อคดาวน์ครั้งนี้ ทำให้ปรับลดกำไรทั้งปี 2564 ไปในบทวิเคราะห์ฉบับก่อนหน้านี้แล้ว เป็น 102 ล้านบาท เติบโตเพียง 39.6% จากปีก่อน จากก่อนหน้านี้ที่คาดเติบโต 52.8%
อย่างไรก็ตาม คาดผลประกอบการไตรมาส 3/64 จะถูกกระทบจากมาตรการล็อคดาวน์อย่างหนัก เนื่องจากยอดขายออนไลน์มีสัดส่วนเพียง 6% ของยอดขายรวม ก่อนที่จะเริ่มฟื้นตัว ในไตรมาส 4/64 จากยอดขายที่เพิ่มขึ้น อิงกับการเปิดตัวสินค้า Apple รุ่นใหม่ แต่ยังมีความเสี่ยงเรื่องสถานการณ์ COVID-19 ที่อาจยืดเยื้อ
โดยประเมินมูลค่าหุ้น อ้างอิง 2-Year PE ของกลุ่มธุรกิจสินค้า IT ที่ 22 เท่า ได้ราคาเป้าหมาย 5.60 บาท (PE ปี 2564 ที่ 22 เท่า, PEG 1.1 เท่า) ราคาหุ้นเกินมูลค่าแล้ว ประกอบกับยังเป็นช่วง Low Season ของผลประกอบการ แนะนำชะลอการลงทุนจนถึงปลายไตรมาส 3/64 เป็นอย่างน้อย