“ทริสฯ” จัดเรทติ้งหุ้นกู้ TIDLOR วงเงิน 5 พันลบ. ระดับ “A” แนวโน้ม Stable
“ทริสฯ” จัดเรทติ้งหุ้นกู้ TIDLOR วงเงินรวม 5 พันลบ. ระดับ “A” แนวโน้ม Stable สะท้อนถึงสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่ง
ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันของบริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR ที่ระดับ “A” พร้อมทั้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 5 พันล้านบาท รวมหุ้นกู้สำรองเพื่อเสนอขายเพิ่มเติม (Greenshoe) ในวงเงินไม่เกิน 2 พันล้านบาทไถ่ถอนภายใน 2 ปี ของบริษัทที่ระดับ “A” ด้วยเช่นกัน โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ไปใช้ดำเนินธุรกิจและใช้ชำระคืนเงินกู้เดิม
ทั้งนี้อันดับเครดิตของบริษัทได้รับการปรับเพิ่มสถานะเครดิตขึ้นมา 1 ขั้นจากอันดับเครดิตเฉพาะของบริษัทที่ “a-” โดยการยกระดับสะท้อนถึงมุมมองของทริสเรทติ้งต่อสถานะของบริษัทในการเป็นบริษัทลูกเชิงกลยุทธ์ของ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) (ได้รับการจัดอันดับเครดิตที่ระดับ “AAA” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” จากทริสเรทติ้ง) ทั้งนี้ การพิจารณาอันดับเครดิตคำนึงถึงการที่บริษัทได้รับการสนับสนุนทั้งในด้านธุรกิจและการเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา
โดยอันดับเครดิตเฉพาะของบริษัทสะท้อนถึงสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งในการเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการรายใหญ่ในตลาดสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นหลักประกัน นอกจากนี้ ปัจจัยอื่น ๆ ที่ทริสเรทติ้งใช้ประกอบการพิจารณาอันดับเครดิตยังรวมถึงการที่บริษัทมีฐานทุนที่แข็งแกร่ง คุณภาพสินทรัพย์ที่ดีจากการมีแนวทางการบริหารความเสี่ยงที่ระมัดระวัง รวมถึงการมีแหล่งเงินทุนและสภาพคล่องที่ดี อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตก็มีข้อจำกัดในระดับหนึ่งจากการแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจสินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภค
ทั้งนี้หลังจากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรกของบริษัทในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม 2564 ทำให้บริษัทได้รับเงินทุนใหม่เพิ่มขึ้นจำนวน 7.7 พันล้านบาท ทุนที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้อัตราส่วนเงินทุนที่ปรับความเสี่ยง (Risk-adjusted Capital : RAC) ปรับเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 37% จาก 23% ณ สิ้นปี 2563 ระดับฐานทุนของบริษัทหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งและเป็นข้อดีต่ออันดับเครดิตบริษัท ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะสามารถควบคุมอัตราส่วนเงินทุนที่ปรับความเสี่ยงให้อยู่ในระดับสูงกว่า 25% ได้ในระยะยาว
โดย ณ สิ้นไตรมาสแรกของปี 2564 บริษัทมีพอร์ตสินเชื่อคงค้างอยู่ที่ระดับ 5.33 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.9% เมื่อเทียบกับยอดสินเชื่อ ณ สิ้นปีก่อนหน้า โดยมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 783 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วเนื่องจากการปรับตัวลดลงของค่าใช้จ่ายสำรองสำหรับผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น คุณภาพสินทรัพย์ของบริษัทยังคงแข็งแกร่งด้วยอัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวมของบริษัทที่ปรับตัวลดลงเป็น 1.5% เทียบกับ 1.7% ณ สิ้นปี 2563 อัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อเงินให้สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ยังคงที่อยู่ในระดับ 329% เทียบกับ 325% ณ สิ้นปี 2563
สำหรับแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะคงรักษาระดับทุนที่แข็งแกร่ง สถานะผู้นำในตลาดสินเชื่อทะเบียนรถและยังคงมีผลประกอบการทางการเงินที่น่าพึงพอใจต่อไป ทริสเรทติ้งยังคาดด้วยว่าบริษัทจะสามารถควบคุมคุณภาพสินทรัพย์ให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ รวมทั้งสถานะการเป็นบริษัทเชิงกลยุทธ์ของกลุ่มธนาคารกรุงศรีอยุธยาจะทำให้บริษัทยังคงได้รับการสนับสนุนจากธนาคารอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะความช่วยเหลือในด้านการเงิน
ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง อันดับเครดิตอาจปรับเพิ่มได้หากบริษัทมีเสถียรภาพทางธุรกิจที่แข็งแกร่งขึ้นโดยการปรับเพิ่มสถานะทางการตลาดอย่างต่อเนื่องขณะที่ยังสามารถรักษาคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีเอาไว้ได้และมีผลประกอบการทางการเงินที่ดี
ขณะที่การปรับลดอันดับเครดิตอาจเกิดขึ้นได้หากสถานะทางการแข่งขันหรือคุณภาพสินทรัพย์ของบริษัทเสื่อมถอยลงอย่างมีนัยสำคัญจนทำให้อัตราส่วนเงินทุนที่ปรับความเสี่ยงลดลงต่ำกว่าระดับ 25%
นอกจากนี้ หากมีการเปลี่ยนแปลงในมุมมองของทริสเรทติ้งต่อระดับความสำคัญเชิงกลยุทธ์ของบริษัทที่มีต่อกลุ่มธนาคารกรุงศรีอยุธยาก็อาจเป็นเหตุให้มีการเปลี่ยนแปลงอันดับเครดิตเพื่อสะท้อนการเปลี่ยนแปลงในมุมมองดังกล่าว