“ธปท.” แจงลดคุ้มครองเงินฝากเหลือ 1 ลบ. ตามกฎหมาย ย้ำแบงก์แข็งแกร่ง
“ธปท.“ เผย “สคฝ.” ปรับลดการคุ้มครองเงินฝากเหลือ 1 ลบ. เริ่มมีผล 11 ส.ค.64 โดยเป็นไปตามกรอบการดำเนินการที่กำหนดไว้
นายรณดล นุ่มนนท์ รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพระบบสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ตามที่สถาบันคุ้มครองเงินฝาก (DPA) จะปรับลดการคุ้มครองเงินฝากที่ผู้ฝากแต่ละรายมีอยู่ในสถาบันการเงิน (สง.) แต่ละแห่งเหลือ 1 ล้านบาท โดยเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 11 สิงหาคม 2564 เป็นต้นไปนั้น การปรับลดวงเงินคุ้มครองฯ ดังกล่าว เป็นไปตามกรอบการดำเนินการที่กำหนดไว้ โดยจะยังสามารถคุ้มครองผู้ฝากเงินได้ถึงร้อยละ 98 ของผู้ฝากเงินทั้งระบบ สง. ขณะที่สถาบันการเงินในปัจจุบันมีความเข้มแข็ง จึงไม่มีความจำเป็นต้องเลื่อนเวลาการปรับลดวงเงินดังกล่าวออกไปอีก
ทั้งนี้ การปรับลดวงเงินดังกล่าวเป็นไปตามที่บัญญัติไว้ตามมาตรา 53 แห่งพระราชบัญญัติสถาบันคุ้มครองเงินฝาก พ.ศ. 2551 ที่ทยอยปรับลดวงเงินจากการคุ้มครองเต็มจำนวนเป็นขั้นบันไดลงมา เพื่อให้ประชาชนได้มีเวลาปรับตัว โดยปัจจุบันผู้ฝากแต่ละรายจะได้รับการคุ้มครองเงินฝากวงเงินไม่เกิน 5 ล้านบาท สำหรับการฝากเงินที่ สง. แต่ละแห่ง และนับตั้งแต่วันที่ 11 สิงหาคม 2564 เป็นต้นไป การคุ้มครองดังกล่าว จะลดลงเหลือไม่เกิน 1 ล้านบาท ซึ่งมีความเหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบันและเป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย
สำหรับการกำหนดระดับวงเงินความคุ้มครองเงินฝากข้างต้น สอดคล้องกับหลักการของระบบการคุ้มครองเงินฝากที่มีประสิทธิผล ซึ่งช่วยให้ทั้งผู้ฝากเงินและสถาบันการเงินไม่ละเลยการบริหารความเสี่ยง จากเดิมที่อาศัยระบบคุ้มครองเงินฝากในการทำหน้าที่ดูแลความเสี่ยงทั้งหมดแทน นอกจากนี้ การจำกัดวงเงินคุ้มครองที่ได้ครอบคลุมผู้ฝากเงินรายย่อยส่วนใหญ่ (ร้อยละ 98 ของผู้ฝากเงินทั้งระบบ สง.) จะช่วยลดความเหลื่อมล้ำและลดภาระงบประมาณของภาครัฐไม่ให้สูงเกินจำเป็น ทำให้ภาครัฐสามารถจัดสรรงบประมาณไปสนับสนุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจอื่น ๆ ได้ตรงจุด
โดยที่ผ่านมา ธปท. มีการกำกับดูแลสถาบันการเงินอย่างใกล้ชิด โดยสถาบันการเงินไทยมีความเข้มแข็ง สะท้อนจากระดับเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS ratio) ที่ระดับร้อยละ 20 ซึ่งสูงกว่าหลายประเทศในภูมิภาค และมีสภาพคล่องอยู่ในระดับสูง ซึ่งสามารถรองรับความผันผวนของเศรษฐกิจในช่วงที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ได้
สำหรับสถาบันคุ้มครองเงินฝาก หรือ สคฝ. เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นตาม พ.ร.บ. สถาบันคุ้มครองเงินฝาก ปี พ.ศ. 2551 โดยมีเจตนารมย์และหน้าที่หลักที่สำคัญคือ
- คุ้มครองเงินฝาก โดยเฉพาะผู้ฝากที่เป็นรายย่อย ซึ่งถือเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศให้ปลอดภัย และจ่ายคืนเงินฝากโดยเร็ว หากสถาบันการเงินถูกปิดกิจการ
- เก็บเงินนำส่งที่ได้จากสถาบันการเงินภายใต้ความคุ้มครองมารวบรวมไว้ในกองทุนคุ้มครองเงินฝาก สำหรับใช้ในการจ่ายคืนให้แก่ผู้ฝากตามวงเงินคุ้มครองและระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด
- บริหารจัดการสินทรัพย์ของสถาบันการเงินที่ถูกปิดกิจการ และนำเงินที่ได้รับจากการชำระบัญชีมาจ่ายคืนให้แก่เจ้าหนี้ของสถาบันการเงิน และผู้ฝากที่มีเงินฝากเกินวงเงินคุ้มครองโดยเร็ว
นอกจากนี้ สคฝ. ยังเป็นส่วนหนึ่งในหน่วยงานโครงข่ายความมั่นคงทางการเงิน (Financial Safety Net) ร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย และกระทรวงการคลังในการทำหน้าที่เสริมสร้างเสถียรภาพให้กับระบบสถาบันการเงินของไทยด้วย