PIMO คาด Q3 โตต่อ รับไฮซีซั่น-ออเดอร์ทะลัก มั่นใจรายได้ทั้งปีพุ่ง 20% ตามเป้า

PIMO มั่นใจไตรมาส 3/64 ผลงานโตต่อ รับไฮซีซั่น-ออเดอร์พุ่ง หนุนรายได้ทั้งปี 64 พุ่ง 20% ตามเป้า วางงบลงทุน 84 ลบ. เพิ่มประสิทธิภาพ-กำลังผลิต


นายวสันต์ อิทธิโรจนกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไพโอเนียร์ มอเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ PIMO นำเสนอข้อมูลสรุปผลประกอบการไตรมาส 2/2564 สิ้นสุด 30 มิ.ย. 2564 และภาพรวมธุรกิจบริษัทในงานบริษัทจดทะเบียนพบผู้ลงทุน (Opportunity Day) จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในวันที่ 11 ส.ค. 2564 ว่า ในไตรมาส 2/64 บริษัทมีรายได้อยู่ที่ 244.07 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49.29% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่ทำได้ 163.49 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 24.51 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.72 ล้านบาท หรือ 127.15% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่ทำได้ 10.79 ล้านบาท

ส่วนผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกปี 2564 บริษัทฯ มีรายได้รวมอยู่ที่ 468.85 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 121.05 ล้านบาท หรือ 34.80% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 347.80 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 44.46 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.95 ล้านบาท หรือ 45.72% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่ทำได้ 30.51 ล้านบาท เนื่องจากยอดขายมอเตอร์สระและสปา รวมทั้งมอเตอร์ปั๊มน้ำ (Axial-Flux pool Motor) ซึ่งเป็นสินค้าที่ได้รับใบรับรองมาตรฐานความปลอดภัยของสินค้าจาก Underwriter’s Laboratories Inc. (UL) โดยเป็นมาตรฐานความปลอดภัยที่ทั่วโลกยอมรับ จึงทำให้ยอดขายของผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเพิ่มมากขึ้น

โดยปัจจุบันบริษัทมีส่วนรายได้ภายในประเทศ 48% ส่งออกต่างประเทศ 52% แบ่งเป็น สหสหรัฐอเมริกา, ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์, ยุโรป (เช็ค/เนเธอร์แลนด์/ตุรกี), กลุ่มประเทศตะวันออกกลาง (ดูไบ/การ์ตา/คูเวต/อิหร่าน), เอเชีย (ฮ่องกง/ญี่ปุ่น/มาเลเซีย/ศรีลังกา/อียิปต์/ สิงคโปร์/บังคลาเทศ/ฟิลิปปินส์) และ CLMV (กัมพูชา/เวียดนาม/พม่า)

ส่วนแนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 3/2564 บริษัทฯ คาดว่าการดำเนินธุรกิจจะเติบโตในทิศทางที่ดี เพราะเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ ประกอบกับมีคำสั่งซื้อจากลูกค้าในประเทศและต่างประเทศเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะหากยังมีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ซึ่งทำให้ประชาชนไม่ออกไปใช้สระว่ายน้ำนอกบ้าน ดังนั้นจึงยังคงคาดว่ารายได้ปีนี้จะเติบโต 20% จากปีก่อน

สำหรับแผนการดำเนินในช่วงที่เหลือของปี 2564 บริษัทจะยังคงเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องสูบน้ำหอยโข่ง ภายใต้แบรนด์ Pioneer Motor ให้ครบตามแผนที่วางไว้ และพัฒนามอเตอร์พัดลมสำหรับลูกค้าต่างประเทศเพิ่มขึ้นจาก 2 รุ่น เป็น 5 รุ่น ขยายกำลังผลิต Variable Speed Motors สำหรับตลาดต่างประเทศเพิ่มจาก 70 ลูก เป็น 120 ลูก และเพิ่มกำลังผลิตมอร์เตอร์ปั๊มน้ำใช้ในบ้านสำหรับผู้ใช้ในประเทศ 40%

ส่วนโครงการพัฒนามอเตอร์สำหรับรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าที่ได้สินค้าตัวอย่างจากลูกค้าไปให้ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) นำไปวิจัยและพัฒนาสินค้า คาดว่าภายในไตรมาส 3/64 หรือประมาณเดือน ต.ค.นี้ น่าจะได้รับผลการพัฒนาสินค้ามอเตอร์ EV จาก สวทช.

ขณะที่แผนการลงทุนในปี 2564 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและกำลังการผลิตไว้ที่ 85 ล้านบาท โดยจะนำไปใช้ 1. ก่อสร้างอาคาร Warehouse ใหม่ ด้วยงบลงทุน 21.3 ล้านบาท 2. ก่อสร้างอาคารส่วนขยายกำลังผลิตมอเตอร์ AC 3. ลงทุนติดตั้งหลังคาโซลาร์เซล์ เพิ่มเติมตึก BLDC งบลงทุน 8.3 ล้านบาท 4. ลงทุนหุ่นยนต์ Automation 3 ตัว และ เครื่องจักรเพื่อเพิ่มประสิทธภาพในการผลิต 1 เครื่อง และ 5.ลงทุนเครื่องจักรเพิ่มเติมในส่วนของมอเตอร์ AC

ทั้งนี้ธุรกิจผลิตและจำหน่ายมอเตอร์ที่มีคำสั่งซื้อเข้ามาจำนวนมาก โดยเฉพาะมอเตอร์ AC มีออเดอร์เพิ่มขึ้นเป็น 1 แสนลูกต่อเดือน จากเดิม 7-8 หมื่นลูกต่อเดือน และมอเตอร์ชนิดพิเศษหรือ BLDC มีออเดอร์อยู่ที่ 100 ลูกต่อวันแล้ว ปัจจุบันยังมีลูกค้าสนใจเข้ามาเจรจา เพื่อให้บริษัทผลิตมอเตอร์รถจักรยานยนต์จำนวนมาก ซึ่งบริษัทฯ จะให้ความสำคัญกับบริษัท จีพี มอเตอร์ (ประเทศไทย) ผู้ผลิตและจำหน่ายรถจักรยานยนต์ แบรนด์ GPX ผู้ผลิตรถจักรยานยนต์อันดับ 3 ของประเทศไทย เนื่องจากเป็นลูกค้าหลักในตลาดการผลิตรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า (EV Hub Motor)

Back to top button