สแกนงบ Q2 กลุ่ม JMART ฟาดกำไร “ออลไทม์ไฮ” ฉายแววครึ่งปีหลังแรงต่อ!

เข้าสู่ช่วงประกาศผลประกอบการงวดไตรมาส 2 และงวด 6 เดือนแรกของปี 2564 ของบริษัทจดทะเบียน “ทีมข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทที่มีการเติบโตอย่างโดดเด่น ซึ่งวันนี้จะนำเสนอผลประกอบการของกลุ่ม บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ JMART และบริษัทในเครือ หลังจากการโชว์ผลงานออกมาได้โดดเด่นตามคาดการณ์

เริ่มด้วย JMART รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2 ออกมาที่ระดับ 232.25 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44.53% จากปีก่อนมีกำไร 160.69 ล้านบาท ส่วนงวดครึ่งปีแรกของปี 2564 มีกำไรสุทธิ 565.71 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 113.09% เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีกำไร 265.48 ล้านบาท

โดยผลการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากรายได้จากการขายและบริการรวมไตรมาส 2/64 อยู่ที่ 2,648.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2/63 อยู่ที่ 2,326.2 ล้านบาท ส่วนใหญ่เพิ่มขึ้นมาจากรายได้จากสัญญาที่ทำกับลูกค้าในไตรมาส 2/64 อยู่ที่ 1,830.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2/63 อยู่ที่ 1,413.2 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม JMART ยังประกาศจ่ายปันผลจากงวดดำเนินงานวันที่ 1 ม.ค. 64 ถึงวันที่ 30 มิ.ย. 64 เป็นเงินสด 0.40 บาทต่อหุ้น กำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 23 ส.ค. 64 และกำหนดจ่ายเงินปันผล 8 ก.ย. 64

ถัดมาที่ บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2 มีกำไรสุทธิ 288.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.26% จากปีก่อนมีกำไร 226.95 ล้านบาท ส่วนงวดครึ่งปีแรกของปี 64 มีกำไรสุทธิ 571.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31.79% จากปีก่อนมีกำไร 433.75 ล้านบาท

โดยผลการดำเนินงานของ JMT ที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากรายได้รวมไตรมาส 2/64 อยู่ที่ 816.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 762.4 ล้านบาท ส่วนใหญ่เพิ่มขึ้นมาจากรายได้ดอกเบี้ยรับไตรมาส 2/64 อยู่ที่ 472.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 386.8 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม บริษัทยังประกาศจ่ายปันผลจากงวดดำเนินงานวันที่ 1 ม.ค. 2564 ถึงวันที่ 30 มิ.ย. 2564 เป็นเงินสด 0.40 บาทต่อหุ้น กำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 23  ส.ค. 2564 และกำหนดจ่ายเงินปันผล 6 ก.ย. 2564

ขณะที่ บล. ทรีนีตี้ ระบุในบทวิเคราะห์ คาดแนวโน้มช่วงครึ่งหลังของปี 64 จะสดใส โดยคงประมาณการกำไรปี 64 ที่ 1,391 ล้านบาท เติบโต 33% จากปีก่อน โดยกำไรงวดครึ่งปีแรกคิดเป็นราว 41% ของประมาณการ และคาดการเติบโตจะเด่นชัดมากขึ้นในครึ่งปีหลังที่จะมีการตัด ต้นทุนหนี้บางกองหมดทำให้สามารถรับรู้รายได้ 100% อีกทั้งคาดว่าหนี้ที่ซื้อมาในช่วงปลายปีก่อนจะเริ่มรับรู้รายได้เพิ่ิมมากขึ้นในครึ่งปีหลังเช่นกัน ด้านการซื้อหนี้คาดว่าจะเร่งตัวในครึ่งปีหลังจากสถานการณ์คุณภาพหนี้ที่แย่ลง

ส่วนผลประกอบการ บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SINGER มีกำไรงวดไตรมาส 2 อยู่ที่ระดับ 182.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 58.79% จากปีก่อนมีกำไร 115.01 ล้านบาท ขณะที่งวด 6 เดือนแรกของปี 64 มีกำไร 322.75 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 59.85% จากปีก่อนมีกำไร 201.91 ล้านบาท

พร้อมกันนี้ บริษัทเตรียมจ่ายปันผลจากกำไรสะสมเป็นเงินสด 0.15 บาท กำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 24 ส.ค.64 และกำหนดวันจ่ายปันผล 9 ก.ย. 64

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ คงประมาณการกำไรสุทธิปี 2564 / 65 ที่จะขยายตัวต่อเนื่องปี ละ +46%/+40% จากปีก่อน อยู่ที่ 646 ล้านบาท และ 906 ล้านบาท ตามลำดับ จาก 1) สินเชื่อที่จะเพิ่มขึ้นปีละ +60%/+43% เทียบกับปีก่อน หนุนโดยแหล่งเงินทุนที่เพิ่มขึ้นจากการ exercise warrant และโอกาสที่บริษัทจะ spin-off บริษัท SG Capital ในปี 2565

2) credit cost ที่จะอยู่ในระดับต่ำที่ 235/281 bps ตามสัดส่วนการปล่อยสินเชื่อ C4C ที่มี NPLs ที่ต่ำกว่าโดยเปรียบเทียบกับสินเชื่อเช่าซื้อเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 60% จากไตรมาส 1/64 อยู่ที่ 54% และ 3) NPLs จะลดลงเป็น 3.2%/2.6%

ขณะที่ราคาเป้าหมาย 50.00 บาท อิง PER ปี 2564 ที่ 35 เท่า (+3SD above 10-yr average PER) เทียบเท่า PEG ปี 2564 ที่ 1.0 เท่า โดยประเมินว่า SINGER ควรที่จะเทรด premium มากขึ้นจากอดีต จากแนวโน้ม NPL ที่จะปรับตัวลงจากที่อยู่ double digit ในอดีต ภายหลัง ที่บริษัทได้ปล่อยสินเชื่อ C4C (แบบโอน และไม่โอนเล่มทะเบียน) ที่มี NPL ต่ำกว่าสินเชื่อเช่าซื้อ เครื่องใช้ไฟฟ้า และมีโอกาสที่จะขยายตัวสูงผ่านเครือข่ายสาขามากกว่า 180 แห่ง และพนักงาน direct sale ที่สูง และได้รับประโยชน์จาก Synergy กับกลุ่ม JMART เช่น การให้บริการสินเชื่อสมาร์ท โฟนกับ J-mobile และการติดตามหนี้ที่มีคุณภาพมากขึ้นผ่าน JMT

ปิดท้ายที่ บริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) หรือ J รายงานผลประกอบการไตรมาส 2 มีกำไรสุทธิ 22.23 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 370.69% จากปีก่อนมีกำไร 4.72 ล้านบาท ส่วนงวด 6 เดือนแรกของปี 64 มีกำไรสุทธิ 43.21 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 102.55% เทียบกับปีก่อนมีกำไร 21.34 ล้านบาท