SIMAT โชว์กำไร Q2 โต 1,210% ส่งซิกโค้งหลังทะยานต่อ ดันผลงานปี 64 “ออลไทม์ไฮ”
SIMAT รายงานงบไตรมาส 2/64 กำไรสุทธิ 32.1 ลบ. โต 1,210% จากปีก่อน ฟากครึ่งแรกของปีนี้แตะ 49.2 ล้านบาท มั่นใจโค้งหลังแรงได้อีก จากยอดขายสินค้าลาเบลและซิลค์สกรีน ของ “ฮินซิซึ” เพิ่มขึ้น และการรับรู้รายได้งานให้บริการและซ่อมบำรุงโปรเจคเน็ตห่างไกล
นายธีรวุฒิ กานต์นิภากุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายลงทุน บริษัท ไซแมท เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SIMAT เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2/2564 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2564 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 32.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,210% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มีกำไรสุทธิ 2.46 ล้านบาท และมีรายได้รวม 249.7ล้านบาท โดยได้รับปัจจัยหนุนจากธุรกิจลาเบลและซิลค์สกรีนแฝงควบคุมในเครื่องใช้ไฟฟ้า และอุปกรณ์โทรคมนาคม ที่ผลิตภายใต้ บริษัท ฮินซิซึ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (HST) บริษัทย่อยของ SIMAT ที่ถือหุ้นในสัดส่วน 70% มียอดคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากกลุ่มลูกค้าเดิม และกลุ่มลูกค้าใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มแบรนด์สินค้าจากเกาหลี รวมทั้งการควบคุมต้นทุนการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับงวด 6 เดือนแรกของปี 2564 มีกำไรสุทธิ 49.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 64% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มีกำไรสุทธิ 30.22 ล้านบาท และสูงกว่ากำไรสุทธิทั้งปีของปี 2563 ที่มีกำไรสุทธิ 40.78 ล้านบาท
“ภาพรวมของผลประกอบการไตรมาส 2 และครึ่งปีแรกปีนี้ SIMAT ทำผลงานได้ดี แม้การระบาดของโควิด-19 ยังไม่คลี่คลาย แต่จะเห็นได้ว่า มีความต้องการเครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องใช้สำนักงาน และสินค้าในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มขึ้นมาก ทั้งในประเทศและการส่งออกไปต่างประเทศ ซึ่งอุตสาหกรรมเหล่านี้เป็นฐานลูกค้าหลักของฮินซิซึ ทำให้มียอดคำสั่งซื้อเข้ามาเพิ่มขึ้น อีกทั้ง ยังได้ประโยชน์จากการทำสงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐ ทำให้กลุ่มลูกค้าส่งคำสั่งซื้อเข้ามาเพิ่มจากเดิมที่สั่งสินค้าจากคู่แข่งในประเทศจีน” นายธีรวุฒิ กล่าว
ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายลงทุน SIMAT กล่าวอีกว่า สำหรับแผนการดำเนินงานที่เหลือของปีนี้ ธุรกิจลาเบลและซิลค์สกรีนแฝงควบคุมในเครื่องใช้ไฟฟ้า และอุปกรณ์โทรคมนาคม ที่ผลิตภายใต้ ฮินซิซึ ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ยังมีคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง จากลูกค้าเดิม และบริษัทฯ เตรียมขยายเข้าไปยังฐานลูกใหม่เพิ่ม ส่วนธุรกิจวิศวกรรม IT ยังคงเดินหน้าหางานใหม่เข้ามาต่อเนื่อง และปีนี้เป็นปีแรกที่ บริษัทฯ เริ่มรับรู้รายได้จากโครงการ Universal Service Obligation (USO) ในระยะที่ 2 ซึ่งเป็นการบริการจัดการและบำรุงรักษาในระยะเวลาต่อเนื่อง 5 ปี โดยมีมูลค่าสัญญารวม 5 ปี กว่า 1,213 ล้านบาท
ส่วนของธุรกิจอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ภายใต้โครงการ SINET บริษัทฯ ได้ลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) กับบริษัท เอฟโอที เอ็มเอสโอ จำกัด (FOT) บริษัทในเครือเจริญเคเบิลทีวี เคเบิลทีวีอันดับ 1 ของประเทศ เพื่อร่วมพัฒนาธุรกิจอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ในโครงการ SINET ในพื้นที่กรุงเทพฯ เชียงใหม่ นครราชสีมา ขอนแก่น เป็นต้น ซึ่งมั่นใจว่า จะเป็นส่วนช่วยสนับสนุนให้ผลงานในปีนี้ เติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้
“ช่วงครึ่งหลังของปีนี้ เรายังเดินหน้าในธุรกิจหลักๆ อย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งมองหาโอกาสใหม่ๆ หา S curve ใหม่ๆ ในการเข้าไปลงทุน ซึ่งจะเป็นธุรกิจที่ SIMAT มีโนว์ฮาว มีความชำนาญและมีประสบการณ์ และในปีหน้า วางแผนที่จะนำ HST เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อรองรับการขยายธุรกิจและเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับบริษัทฯ ได้ในอนาคต” นายธีรวุฒิ กล่าว