PSH ส่งซิกรายได้ Q4 “ออลไทม์ไฮ” จ่อโอน 7 โครงการ – เล็งร่วมทุนพัฒนาทาวน์เฮาส์

PSH ฉายภาพรายได้ Q4 จะเติบโตสูงสุดเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านๆมา เนื่องจากจะมีการโอนคอนโด 7 โครงการ อีกทั้งอยู่ระหว่างเจรจาพันธมิตรเพื่อร่วมทุนพัฒนาทาวน์เฮ้าส์ มูลค่าประมาณ 500 – 1,000 ลบ. คาดว่าจะปิดดีลเร็วๆนี้


นายปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PSH เปิดเผยว่า บริษัทคาดรายได้ในไตรมาส 4/2564 จะเติบโตสูงสุดเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านๆมา เนื่องจากจะมีการโอนโครงการคอนโดมิเนียม 7 โครงการ ได้แก่ The Reserve sathorn, The Privacy taopoon, Chapter thonglor 25, Chapter one flow bangpo, the privacy sukumvit 101/1, Plum condo sukumvit 97.1 และ The Tree Pattanakarn-Ekkamai ซึ่งปัจจุบันได้ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จไป 2 โครงการแล้ว โดยเชื่อมั่นว่าจะก่อสร้างให้เสร็จทั้งหมดในครึ่งปีหลังและส่งมอบได้ตามเป้าหมาย

ทั้งนี้บริษัทยังมั่นใจยอดขายปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมาย 32,000 ล้านบาท และยอดโอน 32,000 ล้านบาทเช่นกัน รวมถึงยังคงเป้าหมายเปิดโครงการใหม่ที่ 29 โครงการ มูลค่ารวม 26,630 ล้านบาท โดยครึ่งปีแรกเปิดไปแล้ว 14 โครงการ และครึ่งปีหลังเตรียมเปิดอีก 15 โครงการ รวมมูลค่า 17,838 ล้านบาท แบ่งเป็น ทาวเฮ้าส์ 8 โครงการ, บ้านเดี่ยว 4 โครงการ และคอนโดมิเนียม 3 โครงการ

ขณะเดียวกันบริษัทจะทำการตลาดผ่านทางออนไลน์มากขึ้น ภายใต้แนวคิด Tomorrow Reimagined เพื่อรองรับพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภค อันสืบเนื่องมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เพื่อสร้างประสบการณ์ของลูกค้า (Customer Journey) ให้สอดคล้องกับความต้องการและพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป ด้วยการเพิ่มช่องทางการตลาด การบริการ และการขายผ่านออนไลน์ให้ครอบคลุมลูกค้าทุกกลุ่ม

โดยที่ผ่านมา PSH ผลักดันการขายผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล (Digital Platform) ในหลากหลายช่องทาง (Omni-channel) พร้อมสร้างความเข้มแข็งด้วยการใช้กลยุทธ์ O2O (Online to Offline) และได้เพิ่มบริการต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับกลุ่มลูกค้าอย่างสูงสุด อาทิ การทำทัวร์เสมือนจริง (Virtual Tour) จัด Facebook Live พาเยี่ยมชมโครงการแบบ 360 องศา บริการนัดหมายเยี่ยมชมส่วนตัว (Private Tour) บริการเยี่ยมชมโครงการแบบไม่ต้องลงจากรถ (Drive Thru Visit) และในกลุ่มคอนโดมิเนียมมีการยกประสบการณ์ลูกค้า (Customer Experience) ทั้งหมด ตั้งแต่แนะนำโครงการ จนถึงการปิดการขายมาไว้บน LINE Platform ทำให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงข้อมูลได้สะดวกรวดเร็ว ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่อย่างแท้จริง รวมไปจนถึงการบุกตลาด E-Commerce ร่วมกับช้อปปี้ ซึ่งแต่ละกลยุทธ์นั้นเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย และได้ผลตอบรับจากผู้บริโภคเป็นที่น่าพึงพอใจอย่างมาก

อีกทั้งล่าสุดได้เพิ่มช่องทางใหม่เพิ่มความสะดวกให้ลูกค้า สามารถเลือกซื้อบ้านและคอนโดมิเนียมในช่วงล็อกดาวน์นี้ได้ ผ่านการคลิกจองบ้านออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ โดยได้คัดเลือกบ้านแลคอนโดมิเนียมยูนิตพิเศษในแคมเปญ “ลดปลดล็อค ช็อคราคา” ซึ่งเป็น Hot Deal ที่รวบรวมทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ และคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ที่คัดเลือกจากที่อยู่อาศัยทั่วประเทศมาจัดโปรโมชั่นพิเศษ มอบราคาและส่วนลด ของแถมต่างๆ มูลค่าสูงสุดกว่า 2 ล้านบาท พร้อมส่วนลดพิเศษเพิ่มเติมจากปกติสูงสุดอีก 1 แสนบาท เฉพาะผู้จองบ้านและคอนโดมิเนียมผ่านเว็บไซต์ www.pruksa.com ที่จัดขึ้นเพียง 7 วันเท่านั้น ในระหว่างวันที่ 20 – 26 ส.ค.2564 ตลอด 24 ชม.

ขณะที่ปัจจุบันสัดส่วนการขายผ่านออนไลน์ของบริษัทฯอยู่ที่ 60% โดยคาดว่าสิ้นปีนี้จะเพิ่มขึ้นกว่า 60% ได้ เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เข้ามาดูโครงการผ่านออนไลน์มากขึ้น ซึ่งการเติบโตของยอดขายส่วนหนึ่งก็มาจากออนไลน์

นอกจากนี้บริษัทฯอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรทางธุรกิจในประเทศไทยเพื่อร่วมทุนพัฒนาโครงการทาวน์เฮ้าส์ มูลค่าโครงการประมาณ 500 – 1,000 ล้านบาทย่านรามอินทรา คาดว่าจะปิดดีลดังกล่าวได้เร็วๆ นี้

ส่วนแผนการออกหุ้นในปีนี้บริษัทฯยืนยันว่ายังไม่มีแผนออกเพิ่มเติมเนื่องจากมีสภาพคล่องเหลือค่อนข้างมาก หลังที่ผ่านมาบริษัทฯได้ระบายสต๊อกออกไปได้ค่อนข้างมาก ซึ่งบริษัทจะเร่งดำเนินการคืนหนี้ให้มากที่สุด เพื่อลดภาระหนี้สินและคาดว่าปลายปีนี้หนี้สินจะลดลงต่อเนื่อง

ด้านนายแพทย์กฤตวิทย์ เลิศอุตสาหกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงพยาบาลวิมุต โฮลดิ้ง จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่ารายได้ปีนี้จะเติบโตแตะ 500 ล้านบาท โดยจะเป็นรายได้จากการเปิดให้บริการรักษาโรคต่างๆ 300 ล้านบาท และรายได้พิเศษจากการให้บริการฉีดวัคซีนทางเลือกโมเดอร์นาอีกประมาณ 200 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถเริ่มให้บริการฉีดวัคซีนแล้วได้ตั้งแต่เดือน ต.ค.2564 เป็นต้นไป

“ปีนี้ยอมรับว่าคนก็ไม่ได้อยากเข้าโรงพยาบาล เป็นผลจากมีโรคระบาดที่เกิดขึ้น ทำให้ปีนี้เราตั้งเป้ารายได้จากโรงพยาบาลวิมุต ช่วง 7 เดือน (พ.ค.-ธ.ค.2564) ที่ 300 ล้านบาท หรืออาจจะต่ำกว่าเป้าลงมา 20% เหลือ 200 ล้านบาท แต่ในวิกฤติก็มีโอกาส เนื่องจากโรงพยาบาลวิมุตได้รับการจัดสรรวัคซีนทางเลือกด้วย ทำให้จะได้รับรายได้พิเศษจากตรงนี้เพิ่มเติมอีก 200 ล้านบาท ซึ่งหากไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็อาจทำให้รายได้ของวิมุตปีนี้เกินเป้าหมายได้ หรืออยู่ที่ประมาณ 500 ล้านบาท” นายแพทย์กฤตวิทย์ กล่าว

อย่างไรก็ดีในวันพรุ่งนี้ (20 ส.ค.) โรงพยาบาลเตรียมเปิดจองวัคซีนทางเลือกโมเดอร์นาเพิ่มเติม หลังจากได้รับแจ้งว่าได้รับการจัดสรรวัคซีนเพิ่มเติมอีก โดยจะเริ่มเปิดให้จองได้วันแรกในวันพรุ่งนี้ และหากโรงพยาบาลได้รับมอบวัคซีนแล้วจะแจ้งวันเวลาในการฉีดให้ทราบต่อไป อีกทั้งโรงพยาบาลฯ ได้วางเป้าหมายการเติบโตในปี 2565 จะมีรายได้เติบโต 15 – 20% โดยได้วางยุทธศาสตร์ในการเป็นโรงพยาบาลเฉพาะทาง ที่มีความถนัดทางด้านสมอง หัวใจ และกระดูก

 

 

Back to top button