NER ตั้งเป้าสินค้าปศุสัตว์ 5 พันลบ. หนุนรายได้ปี 67 พุ่งแตะ 3 หมื่นล้าน
NER เดินหน้ารุกธุรกิจปลายน้ำ คาดใช้งบลงทุนราว 240 ล้านบาท ติดตั้งเครื่องจักรปลายปี 64 ลุยผลิต-จำหน่ายยางปูพื้นคอกสำหรับปศุสัตว์ ตั้งเป้าปี 67 รายได้จากสินค้าปศุสัตว์เพิ่มเป็น 5 พันลบ. หรือคิดเป็นสัดส่วนรายได้ 20% หนุนรายได้รวมพุ่งแตะ 3 หมื่นลบ.
นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พร้อมด้วยนายศักดิ์ชัย จงสถาพงษ์พันธ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานบัญชี-การเงิน นางสาวเกศนรี จองโชติศิริกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการตลาด และ นายมาณพ ฐาปน ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER ร่วมนำเสนอข้อมูลในงานบริษัทจดทะเบียนพบนักลงทุน Opportunity Day ประจำไตรมาส 2 /2564 โดยบริษัทเปิดเผยว่าจากผลการดำเนินงานที่เติบโตตามเป้าหมาย ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2564 มีมติอนุมัติให้บริษัทฯ จ่ายเงินปันผลระหว่างกาล โดยจ่ายเงินปันผลจากกำไรสุทธิสำหรับผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกของปี 2564 ในอัตราหุ้นละ 0.07 บาท จำนวนรวมคิดเป็น 115.17 ล้านบาท โดยมีกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล วันที่ 24 สิงหาคม 2564 และ จ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น ในวันที่ 6 กันยายน 2564
นอกจากนี้ในปลายปี 2565 บริษัทเข้าสู่ธุรกิจผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าปลายน้ำ โดยได้สร้างนวัตกรรม ร่วมมือกับสถาบันวิจัยและพัฒนานวัตกรรมยางพารา ของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ได้ผลิตและจำหน่ายยางปูพื้นคอกสำหรับปศุสัตว์ โดยมีกลุ่มเป้าหมายหลักในฟาร์มปศุสัตว์ อาทิ ฟาร์มโคเนื้อ โคนม ฟาร์มเลี้ยงกระบือ แพะ และแกะ เป็นต้น รวมถึงคอกอนุบาลปศุสัตว์แรกเกิดและจะมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ปลายน้ำอื่นๆ อีกต่อไป
สำหรับการติดตั้งเครื่องจักร บริษัทจะนำเข้ามาติดตั้งในช่วงปลายปี 2564 คาดใช้งบลงทุนราว 240 ล้านบาท โดยจะสามารถรับรู้รายได้จากธุรกิจนี้ในปี 2565 และในปี 2567 จะมียอดขายจากสินค้าปลายน้ำและธุรกิจอื่นๆ ที่มิใช่ยางพารา คิดเป็นประมาณ 20% ของรายได้รวมทั้งหมด โดยคาดว่าในปี 2567 จะเพิ่มขึ้นราว 5,000 ล้านบาท ซึ่งหากดูจากการประเมินภาพรวมทั้งปี 2564 บริษัทยังคงเป้าหมายรายได้ที่ 2.45 หมื่นล้านบาท ก็จะทำให้รายได้รวมปี 2567 อาจมีโอกาสแตะ 30,000 ล้านบาท
ส่วนของการผลิต ทางบริษัทสามารถควบคุมต้นทุนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะเป็นโรงงานผลิตวัตถุดิบต้นน้ำที่ได้มาตรฐานสากล ด้วยเครื่องจักรที่ทันสมัย เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ปลอดภัยกับผู้ปฏิบัติงานและชุมชนที่อยู่ร่วมกัน พร้อมเตรียมก้าวสู่การเป็นผู้นำในตลาดประเทศไทยด้านแผ่นปูนอนปศุสัตว์ และพร้อมส่งออกสินค้าไปยังฟาร์มโคนมและฟาร์มปศุสัตว์อื่นๆ ทั่วโลกซึ่งบริษัทจะสามารถขยายตลาดและสร้างการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
สำหรับผลิตภัณฑ์แผ่นยางปูพื้นคอกสำหรับปศุสัตว์ ได้ออกแบบมาให้พื้นผิวสัมผัสมีความนุ่มและสามารถรองรับน้ำหนักได้อย่างเป็นธรรมชาติ ช่วยลดการบาดเจ็บ และ ความตึงเครียดของสัตว์ ทำให้สัตว์กินอาหารได้ดีขึ้น ส่งผลดีต่อสุขภาพ เพิ่มความสมบูรณ์ของร่างกายสัตว์ สามารถช่วยลดการเกิดแผลบริเวณเข่า จากการ ลุก นั่ง นอน อีกทั้งยังลดเชื้อโรคจากกลีบเท้า และช่วยให้ฟาร์มสามารถทำความสะอาดได้ง่าย
“ปัจจุบันทางบริษัท ได้มีการนำแผ่นยางปูพื้นคอกสำหรับปศุสัตว์ ให้กับทางฟาร์มโคนมรายใหญ่ในประเทศไทยได้ทดลองใช้สินค้า ซึ่งต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวว่า มีความพึงพอใจเป็นอย่างมาก เนื่องจาก วัวจะใช้เวลานั่งบนแผ่นยางมากกว่า 12 ชั่วโมงตัววัน ซึ่งส่งผลให้มีการไหลเวียนของเลือดบริเวณเต้านมได้เพิ่มขึ้นประมาณวันละ 30% อีกทั้งส่งผลให้เจ้าของฟาร์มเพิ่มผลกำไรได้เป็นอย่างดี” นายชูวิทย์ กล่าว