ORI กาง 3 แนวทางจูงมือโรงแรม 5 หัวเมืองท่องเที่ยวฝ่า COVID-19
ORI ปั้นโครงการ “Go Together with Origin” ประสานกสิกรไทย หาแนวทางเพิ่มสภาพคล่องธุรกิจโรงแรม หวังช่วยผู้ประกอบการใน 5 หัวเมืองท่องเที่ยวผ่านวิกฤต COVID-19 ติดเครื่องช่วยการเงิน-ช่วยรีโนเวท-ช่วยพัฒนา สร้างความแข็งแกร่งพร้อมรับการท่องเที่ยวฟื้นตัว
นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร กล่าวว่า การแพร่ระบาดของ COVID-19 ส่งผลให้ภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว โรงแรม และธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเคยสร้างรายได้ให้ประเทศในสัดส่วนเกือบ 20% ของ GDP และก่อให้เกิดการจ้างงานกว่า 4 ล้านคน ได้รับผลกระทบต่อเนื่องยาวนานกว่า 1 ปี ผู้ประกอบการหลายราย โดยเฉพาะในจังหวัดที่พึ่งพาการท่องเที่ยว ยังคงประสบปัญหาขาดสภาพคล่อง แม้จะพยายามปรับตัวอย่างเต็มที่ บริษัทจึงจะเดินหน้าสร้างทางเลือกใหม่ช่วยเหลือผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรม ด้วยโครงการ “Go Together with Origin”
“ธุรกิจท่องเที่ยวเหมือนถูกปิดสวิตช์ฉับพลัน รายได้ลดลง แต่รายจ่ายยังคงเดินหน้าต่อเนื่อง แม้ผู้ประกอบการหลายรายจะพยายามประคับประคอง แต่ด้วยระยะเวลาที่ยาวนานและข้อจำกัดด้านเงินทุน ทำให้หลายคนเริ่มหมดแรง เราในฐานะผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร จึงขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยชาร์จพลังให้เพื่อนร่วมอุตสาหกรรมสามารถลุกขึ้น และก้าวเดินต่อรอวันที่การท่องเที่ยวไทยจะฟื้นตัวกลับสู่ภาวะปกติ” นายพีระพงศ์ กล่าว
สำหรับโครงการ Go Together with Origin เป็นโครงการช่วยเหลือผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมในกลุ่มเมืองท่องเที่ยวหลัก 5 แห่ง ได้แก่ กรุงเทพฯ พัทยา ภูเก็ต สมุย และเชียงใหม่ โดยออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้จะช่วยแบ่งเบาภาระผู้ประกอบการ ด้วย 3 แนวทางหลัก ได้แก่ 1.ช่วยการเงิน เข้าไปร่วมเป็นผู้ถือหุ้นในกิจการโรงแรมที่ต้องการความช่วยเหลือ พร้อมทั้งเป็นคู่คิด
รวมถึงประสานงานกับธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBank ให้ช่วยพิจารณาสนับสนุนวงเงินสินเชื่อตามหลักเกณฑ์ของธนาคาร เพื่อช่วยกันพากิจการให้ยังคงมีสภาพคล่องและเดินหน้าต่อไปได้ 2.ช่วยรีโนเวท เข้าไปช่วยปรับปรุง ตกแต่งอาคาร ห้องพักให้ดูใหม่และน่าสนใจ ให้พร้อมบริการนักท่องเที่ยวในวันที่ธุรกิจท่องเที่ยวฟื้นตัว 3.ช่วยพัฒนา เป็นคู่คิดในการพัฒนาโมเดลธุรกิจและโมเดลรายได้ใหม่ๆ ให้แก่ตัวโรงแรม เพื่อให้กิจการยังขับเคลื่อนไปได้ทั้งในสถานการณ์ปัจจุบันและอนาคต
ด้านนายพัชร สมะลาภา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 1 ปีกว่าที่ประเทศไทยต้องเผชิญกับสถานการณ์วิกฤติ COVID-19 ธนาคารกสิกรไทยอยู่เคียงข้างลูกค้าธุรกิจที่ได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งการให้คำปรึกษา การออกมาตรการช่วยเหลือทางการเงิน เพื่อช่วยลดภาระและเพิ่มสภาพคล่องให้ธุรกิจเดินต่อได้ โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าธุรกิจท่องเที่ยวและโรงแรมที่ส่วนใหญ่ยังไม่สามารถกลับมาดำเนินธุรกิจได้อย่างปกติ ความร่วมมือกับออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ถือเป็นอีกแนวทางหนึ่งในการต่อยอดความช่วยเหลือไปสู่ผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรม เพื่อเสริมสภาพคล่องและความแข็งแกร่งของกิจการ ให้ยังคงเดินหน้าต่อไปได้ และพร้อมจะกลับมาเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศต่อไป
“ที่ผ่านมา ภาคการท่องเที่ยวและโรงแรมเป็นอุตสาหกรรมสำคัญในการสร้างรายได้ให้กับประเทศ และมีการจ้างงานจำนวนมาก แต่วิกฤติ COVID-19 ที่เกิดขึ้น ส่งผลกระทบต่อธุรกิจการท่องเที่ยวและโรงแรมเป็นอย่างมาก ซึ่งทำให้ทั้งเจ้าของธุรกิจและพนักงานได้รับผลกระทบ ธนาคารมีความยินดีที่ได้ร่วมมือกับออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ในการทำโครงการนี้ เพื่อร่วมมือกันให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประกอบการให้สามารถประคับประคองธุรกิจและเตรียมพร้อมธุรกิจรองรับเมื่อการท่องเที่ยวฟื้นตัว ธนาคารเชื่อมั่นว่าความร่วมมือกับพันธมิตรที่มีศักยภาพ จะเป็นกำลังสำคัญในการช่วยเหลือให้ธุรกิจโรงแรมผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปได้” นายพัชร กล่าว
ทั้งนี้ ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมใน 5 เมืองท่องเที่ยวหลักที่สนใจเข้าร่วมโครงการ “Go Together with Origin” สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.origin.co.th/helphotel หรือสอบถามรายละเอียดและเงื่อนไขการเข้าร่วมโครงการได้ทางอีเมล [email protected] ตั้งแต่วันนี้ – 30 กันยายน 2564
สำหรับบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI มีโครงสร้างธุรกิจหลากหลาย ประกอบด้วย 1.ธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อการขาย (Residential Development Business) พัฒนาคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรรมาแล้ว 86 โครงการ (สถานะ ณ สิ้นไตรมาส 2/2564) เช่น แบรนด์ พาร์ค ออริจิ้น (PARK ORIGIN) ดิ ออริจิ้น (The Origin) ไนท์บริดจ์ (KnightsBridge), นอตติ้ง ฮิลล์ (Notting Hill), เคนซิงตัน (Kensington), แฮมป์ตัน (Hampton) และ บริทาเนีย (BRITANIA) รวมมูลค่าโครงการกว่า 134,000 ล้านบาท 2.ธุรกิจที่สร้างรายได้ต่อเนื่อง (Recurring Income Business) เช่น โรงแรม เซอร์วิส อพาร์ตเมนท์ ค้าปลีก 3.ธุรกิจบริการ (Service Business) เช่น ธุรกิจการจัดการอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจตัวแทนซื้อ ขาย เช่า อสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ และยังมีวิสัยทัศน์ในการขยายประเภทธุรกิจใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เป็นผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร