IIG ตั้งเป้ารายได้ปี 65 โตก้าวกระโดดแตะ 1 พันลบ. รับธุรกิจไอที-เทคโนฯหนุน
IIG ตั้งเป้ารายได้ปี 65 โตก้าวกระโดดแตะ 1 พันลบ. ก่อนแตะ 2 พันลบ.ในปี 67 ชูธุรกิจไอทีและเทคโนโลยีหนุน จากการที่ภาคธุรกิจต่างๆนำเทคโนโลยีมาช่วยเสริมประสิทธิภาพการทำงานของธุรกิจ
นายสมชาย เมฆะสุวรรณโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไอแอนด์ไอ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ IIG เปิดเผยว่า ภาพรวมของธุรกิจยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากการที่ภาคธุรกิจต่างๆเริ่มนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของธุรกิจ ส่งผลบวกต่อธุรกิจของบริษัทซึ่งเป็นผู้ให้บริการเกี่ยวกับโซลูชั่นด้านระบบไอทีและเทคโนโลยีต่างๆสำหรับลูกค้าองค์กร โดยในช่วงที่ผ่านมาบริษัทมีลูกค้ารายเดิมและรายใหม่ที่ใช้บริการผลิตภัณฑ์และบริการเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้บริษัทมองไปถึงแนวโน้มการเติบโตในปี 2565 คาดว่าจะเห็นการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของรายได้ โดยบริษัทตั้งเป้าเพิ่มขึ้นไปแตะระดับ 1 พันล้านบาทเป็นครั้งแรก จากทิศทางของตลาดที่เกี่ยวข้องกับโซลูชั่นของระบบไอทีและเทคโนโลยีต่างๆ สามารถเข้ามาช่วยเสริมประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการ และช่วยแก้ไขปัญหาต่างๆ ทำให้กลุ่มผู้ค้าองค์กรและผู้ประกอบการต่างๆเห็นความสำคัญมากขึ้นในการนำระบบไอทีมาใช้ประกอบกับบริษัทยังคงเดินหน้าขยายฐานลูกค้ารายใหม่อย่างต่อเนื่อง พร้อมกับการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆให้ลูกค้าที่ใช้บริการอยู่ เพื่อต่อยอดการเติบโตให้กับผลการดำเนินงานของบริษัทอย่างต่อเนื่อง
“โควิดถือว่าเป็นปัจจัยบวกให้กับธุรกิจ ทำให้ลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่เข้ามาใช้ปรึกษาเราและใช้บริการเรามากขึ้น เราเองก็มีโซลูชั่นด้านไอทีที่จะเข้ามาช่วยตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า แม้ว่าในปีนี้โควิดจะมีการแพร่ระบาดรุนแรง แต่เราก็ยังมีการติดต่อและหาลูกค้าใหม่ต่อเนื่อง ตอนนี้ทุกเดือนก็มีลุกค้าใหม่ๆเข้ามา เพราะทุกคนได้มีการปรับตัวและรู้แล้วว่าการที่มีเทคโนโลยีมาช่วยในการทำธุรกิจเป็นสิ่งที่เข้ามาช่วยเสริมประสิทธิภาพให้ธุรกิจได้ และตลาดก็เริ่มใหญ่ขึ้น ทำให้เป็นโอกาสของเราที่จะโตไปตามกับการเติบโตของตลาด ซึ่งเรามองปีหน้าตั้งเป้ารายได้ที่ 1 พันล้านบาท และใน 3 ปีข้างหน้าหรือปี 67 เราก็อยากให้รายได้ไปถึง 2 พันล้านบาท” นายสมชาย กล่าว
ขณะเดียวกันการเติบโตของบริษัทนอกจากจะมาจากการดำเนินธุรกิจเดิมแล้ว ยังมาจากการที่บริษัทเข้าไปลงทุนซื้อกิจการหรือการร่วมทุนกับพันธมิตรอื่นๆในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องด้วย โดยในช่วงไตรมาส 2/2564 ที่ผ่านมาบริษัทได้ร่วมทุนกับวิริยะพรอพเพอร์ตี้ ในการตั้งบริษัทร่วมทุนเพื่อดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการด้าน Digital Insurance และงานบริการที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างแพลตฟอร์มการให้บริการต่างๆที่เกี่ยวข้องกับประกันผ่านช่องทางดิจิทัล โดยที่จะเริ่มจากการพัฒนาแพลตฟอร์มและผลิตภัณฑ์ประกันให้กับทางกลุ่มวิริยะ ซึ่งเป็นพันธมิตรร่วมทุนของบริษัทในช่วงแรกก่อน และจะขยายไปสู่การนำเสนอบริการของแพลตฟอร์มดังกล่าวไปใช้กับบริษัทประกันอื่นๆที่สนใจพัฒนาระบบแพลตฟอร์มประกันดิจิทัลในระยะต่อไป
นอกจากนี้บริษัทอยู่ระหว่างเตรียมการสรุปดีลซื้อและควบรวมกิจการ (M&A) ในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับผลิตภัณฑ์และบริการด้านโซลูชั่นทางเทคโนโลยี ที่จะเข้าเสริมศักยภาพและความหลากหลายให้กับผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัท เพื่อต่อยอดการเติบโตของธุรกิจในปี 2565 เป็นต้นไป โดยคาดว่าดีล M&A ดังกล่าวคาดว่าจะมีความชัดเจนในช่วงปลายเดือนก.ย.หรือต้นไตรมาส 4/2564
ด้านสัดส่วนรายได้ของบริษัทแม้ว่าจะมีรายได้จากการบริการที่เป็นรายได้ประจำเข้ามามากขึ้น แต่บริษัทยังจะพยายามทำให้สัดส่วนรายได้ของบริษัทให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมหรือใกล้เคียงกับปัจจุบันที่มาจากการขายผลิตภัณฑ์และการออกแบบ 53% และรายได้จากการให้บริการ ซึ่งเป็นรายได้ประจำ (Recurring Income) ในสัดส่วน 47%