“ดาวโจนส์” ปิดบวก 226 จุด รับแรงหนุนหุ้นไอที-บอนด์ยีลด์ลด
“ดาวโจนส์” ปิดบวก 226 จุด รับปัจจัยบวกนลท.ซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี-หุ้นกลุ่มเติบโต โดยได้แรงหนุนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐลดลงในรอบสัปดาห์นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (20 ส.ค.) โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ปรับตัวขึ้น แต่ดัชนีดาวโจนส์ก็ยังคงปิดตลาดติดลบในรอบสัปดาห์นี้ท่ามกลางความวิตกว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะเริ่มคุมเข้มนโยบายการเงินเร็วกว่าคาด
โดยดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,120.08 จุด เพิ่มขึ้น 225.96 จุด หรือ +0.65%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,441.67 จุด เพิ่มขึ้น 35.87 จุด หรือ +0.81% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,714.66 จุด เพิ่มขึ้น 172.88 จุด หรือ +1.19%
ขณะที่ในรอบสัปดาห์นี้ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 1.10% ขณะที่ดัชนี S&P500 และดัชนี Nasdaq ลดลง 0.60% และ 0.7% ตามลำดับ
สำหรับหุ้นทั้ง 11 กลุ่มของดัชนี S&P500 ปิดบวก โดยกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มสาธารณูปโภคปรับตัวขึ้นมากที่สุด
ด้านนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและหุ้นกลุ่มเติบโตได้แรงหนุนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐลดลงในรอบสัปดาห์นี้ เนื่องจากนักลงทุนวิตกว่าการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อาจส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยาวนานกว่าที่คาดกันไว้
ทั้งนี้หุ้นไมโครซอฟท์, ซิสโก และเซลส์ฟอร์ซ ปรับตัวขึ้นมากที่สุด ขณะที่หุ้นกลุ่มชิปปรับตัวขึ้นด้วย โดยหุ้นเอ็นวิเดียปิดพุ่งขึ้น 5.10%
ส่วนหุ้นเทสลา บวก 1% หลังเปิดตัวชิปและแผนการสร้างหุ่นยนต์มนุษย์
ขณะเดียวกันหุ้นบริสตอล-ไมเยอร์ส สควิบบ์ บวก 1% หลังสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐอนุมัติ Opdivo ซึ่งเป็นยารักษาโรคมะเร็งของบริษัท
นอกจากนี้หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีของจีนปรับตัวขึ้นด้วย หลังจากร่วงลงในช่วงที่ผ่านมาจากมาตรการคุมเข้มด้านกฎระเบียบของจีน โดยหุ้นเทนเซ็นต์ มิวสิก เอ็นเทอร์เทนเมนต์ กรุ๊ป, หุ้นตีตี โกลบอล และหุ้น iQIYI ปรับตัวขึ้นราว 1.60 – 3.70%
อย่างไรก็ตามบรรดานักลงทุนจะมุ่งความสนใจไปที่การประชุมผู้นำธนาคารกลางของประเทศต่างๆ ที่เมืองแจ็กสัน โฮลในรัฐไวโอมิ่งของสหรัฐในสัปดาห์หน้า ซึ่งคาดว่านายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด จะบ่งชี้เกี่ยวกับอัตราการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและกำหนดเวลาในการคุมเข้มนโยบายการเงิน