WTI-BRENT ปิดพุ่ง 6% แกร่งสุดตั้งแต่มี.ค. รับอานิสงส์ดอลล์อ่อนค่า
WTI-BRENT ปิดพุ่ง 6% เป็นการปรับตัวขึ้นในวันเดียวที่แกร่งสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.ปีนี้ โดยได้รับปัจจัยบวกจากตลาดหุ้นสหรัฐที่ดีดตัวขึ้น หลังดอลล์อ่อนค่า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 5% เมื่อคืนนี้ (23 ส.ค.2564) ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นในวันเดียวที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.ปีนี้ โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายในตลาดน้ำมันยังได้รับปัจจัยบวกจากตลาดหุ้นสหรัฐที่ดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ขานรับข่าวสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐอนุมัติการใช้วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์-ไบออนเทคอย่างเต็มรูปแบบ (full approval)
โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. พุ่งขึ้น 3.50 ดอลลาร์ หรือ 5.60% ปิดที่ 65.64 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค. พุ่งขึ้น 3.57 ดอลลาร์ หรือ 5.50% ปิดที่ 68.75 ดอลลาร์/บาร์เรล
ด้านนักวิเคราะห์จากบริษัท Ritterbusch and Associates กล่าวว่า การพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งของตลาดหุ้นสหรัฐเป็นปัจจัยกระตุ้นการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง นอกจากนี้การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังช่วยหนุนตลาดน้ำมันให้ฟื้นตัว หลังจากสัญญาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลงติดต่อกันยาวนานถึง 7 วัน
ทั้งนี้ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.58% แตะที่ 92.9582 เมื่อคืนนี้ โดยการอ่อนค่าของดอลลาร์ทำให้สัญญาน้ำมันดิบซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีความน่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น
นอกจากนี้นักวิเคราะห์จากบริษัท AvaTradeกล่าวว่า หนึ่งในปัจจัยที่ช่วยหนุนราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งเมื่อคืนนี้ มาจากการที่นักลงทุนช้อนซื้อเก็งกำไร หลังจากราคาน้ำมันร่วงลงติดต่อกัน 7 วันทำการ อันเนื่องมาจากความกังวลที่ว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน
ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) มีกำหนดเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันพรุ่งนี้ เวลา 21.30 น.ตามเวลาไทย
อย่างไรก็ดีนักลงทุนยังติดตามการประชุมประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 26 – 28 ส.ค.นี้ ซึ่งหัวข้อในการประชุมประจำปีนี้คือ “Monetary Policy Framework Review” โดยนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด มีกำหนดกล่าวสุนทรพจน์เกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจในวันศุกร์ที่ 27 ส.ค.