“โกลเบล็ก” คัด 14 หุ้นเด่น ลุ้นเด้งรับ “เปิดเมือง”
GBS ประเมินหุ้นไทยยัง Sideway Up จากโอกาสที่จะเห็นการเปิดเมืองมีเพิ่มขึ้น หลังตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่อยู่ในระดับต่ำกว่าสองหมื่นราย บวกกับการฉีดวัคซีนมีความคืบหน้าเพิ่มมากขึ้น พร้อมแนะกลยุทธ์ลงทุน 14 หุ้น Reopening Play รับอานิสงส์เปิดเมือง
นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยคาดว่ายังคงมีแนวโน้มปรับตัว Sideway Up จากแรงซื้อในหุ้นกลุ่ม Reopening Play ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิดในประเทศที่ชะลอตัวต่อเนื่อง และล่าสุดทางสหรัฐเตรียมเพิ่มกำลังการผลิตวัคซีนป้องกันโควิด-19 สำหรับบริจาควัคซีนให้ประเทศอื่นๆ เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะประเทศที่ไม่สามารถเข้าถึงวัคซีนได้ และทาง FDA ของสหรัฐจะอนุมัติใช้วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์อย่างเต็มรูปแบบ (full approval)
รวมทั้งทางสภาฯ ผ่านร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 2565 (ต.ค. 64 – ก.ย. 65) กรอบวงเงินที่ 3.1 ล้านล้านบาท จึงคาดการณ์กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีที่ 1,550-1,600 จุด
ส่วนปัจจัยที่ยังคงต้องจับตาต่อเนื่อง อาทิ ทาง ส.อ.ท. แถลงยอดการผลิตและส่งออกรถยนต์ รถจักรยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ และ สศอ.แถลงดัชนีอุตสาหกรรม ส่วนตลท.เตรียมจัดงาน “Thailand Focus 2021” ขณะที่สถานการณ์ทางการเมืองที่พร้อมระอุต่อเนื่องจากคาร์ม็อบทั่วประเทศ และในวันทำการสุดท้ายปลายเดือนนี้ทาง ธปท. จะรายงานภาวะเศรษฐกิจไทย ด้านปัจจัยต่างประเทศนั้นยังคงเป็นการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆของสหรัฐ รวมทั้งจีนรายงานกำไรภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ค. และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีการประชุมประจำปีที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง
ดังนั้นแนะนำกลยุทธ์ลงทุนในหุ้น Reopening Play เช่นหุ้นกลุ่มโรงแรมแม้คาดผลประกอบการยังขาดทุนในช่วงไตรมาส 3/64 แนะนำเก็งกำไร MINT, ERW, CENTEL, AWC และ SHR รองลงมากลุ่มขนส่ง ได้แก่ BEM, BTS หุ้นกลุ่มห้างสรรพสินค้า ได้แก่ CPN, CRC และ MBK หุ้นกลุ่มร้านอาหาร ได้แก่ AU, M และ ZEN หุ้นกลุ่มบริการ เช่น SPA เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ลดลงต่ำกว่าระดับ 2 หมื่นรายต่อวัน และการฉีดวัคซีนมีความคืบหน้าเพิ่มมากขึ้น ทำให้นักลงทุนมองข้ามไปถึงอนาคตที่ประเทศไทยจะกลับมาเปิดเมืองได้อีกครั้ง
ส่วนทิศทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล. โกลเบล็ก กล่าวว่า ราคาทองคำโลกในสัปดาห์ก่อนปรับตัวขึ้น 6$/Oz สู่ 1,785$/Oz หลังสหรัฐประกาศดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐร่วงลงสู่ระดับ 70.2 ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2554 จากผลกระทบของการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา นอกจากนี้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ร่วงลงสู่ระดับ 1.250% เป็นปัจจัยหนุนต่อราคาทองคำ
อย่างไรก็ตามนักลงทุนจับตาการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 26-28 ส.ค. ซึ่งคาดว่าเฟดจะส่งสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งแนวโน้มการปรับลดวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในการประชุมดังกล่าว
ทั้งนี้ จากความผันผวนของราคาทองคำและความกังวลในการปรับลดวงเงิน QE ของเฟดในการประชุมเดือน ส.ค.-ก.ย.เป็นปัจจัยกดดันต่อราคาทองคำในระยะกลาง ฝ่ายวิจัยประเมินกรอบทองคำในสัปดาห์นี้ 1,750-1,800 $/Oz โดยแนะนำให้หาจังหวะ Short เมื่อดัชนีปรับตัวขึ้นใกล้แนวต้าน จากความกังวลการปรับลดวงเงิน QE