“องค์การเภสัชฯ” เดินหน้าเซ็นสัญญา ATK 8.50 ล้านชุด 30 ส.ค.นี้

“องค์การเภสัชฯ” เตรียมเซ็นสัญญาซื้อ ATK จำนวน 8.50 ล้านชุด กำหนดการลงนามในวันที่ 30 ส.ค.นี้


นพ.วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม (อภ.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการดำเนินการจัดซื้อชุดตรวจ Antigen Test Kit (ATK) จำนวน 8.50 ล้านชุดว่า ในวันนี้ อภ.ได้ร่วมหารือกับบริษัทที่ชนะการประมูลถึงแนวทางการดำเนินงานต่างๆ เพื่อจัดเตรียมแผนการส่งมอบ การตรวจสอบคุณภาพ ATK และเตรียมการลงนามในสัญญา ซึ่งกำหนดการลงนามในวันที่ 30 ส.ค.นี้

สำหรับการตรวจสอบและติดตามคุณภาพสินค้าที่ส่งมอบนั้น อภ.มีนโยบายคุณภาพชัดเจนที่จะไม่ยอมให้ผลิตภัณฑ์ไม่มีคุณภาพไปสร้างผลกระทบต่อผู้บริโภค สำหรับ ATK นี้ อภ.มีกระบวนการตรวจสอบและประกันคุณภาพผลิตภัณฑ์ตามมาตรฐาน โดยจะมีการตรวจสอบคุณภาพตั้งแต่ขั้นตอนการตรวจรับก่อนส่งให้หน่วยบริการจนถึงตรวจติดตามเฝ้าระวังคุณภาพของ ATK ภายหลังการส่งมอบด้วย

“เหตุการณ์ในช่วงที่ผ่านมา ขอขอบคุณทุกฝ่ายที่ได้ร่วมแสดงความคิดเห็น ให้ความรู้ ความเข้าใจในเรื่องของชุดตรวจ ATK แก่สังคม ในมุมมองต่างๆ ทั้งเรื่องของมาตรฐานคุณภาพ วิธีการใช้งาน ตลอดจนราคาของ ATK และที่สำคัญคือการที่มีการแข่งขันในการเสนอราคา ทำให้ราคาของ ATK ในประเทศที่ยังสูงอยู่มากนั้น มีทิศทางที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นโอกาสที่ดีที่ทำให้ประชาชนได้มีโอกาสเข้าถึงการตรวจด้วย ATK ได้มากขึ้น ค้นหาผู้ติดเชื้อในวงกว้าง เข้าถึงการรักษาได้เร็วขึ้น รวมถึงหากมีการใช้กันอย่างแพร่หลายจากการที่หาซื้อได้ง่าย จะทำให้เกิดความมั่นใจและสามารถผ่อนคลายมาตรการได้รวดเร็วขึ้น” นพ.วิฑูรย์ กล่าว

ด้านนางศิริญา เทพเจริญ กรรมการบริหารรองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการตลาด บริษัท ณุศาศิริ จำกัด (มหาชน) หรือ NUSA และกรรมการบริหาร บริษัท เวิลด์ เมดิคอล อัลไลแอนซ์ประเทศไทย จำกัด ตัวแทนจำหน่ายชุดตรวจ ATK ของบริษัท ออสท์แลนด์ จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯ ต้องการให้คนไทยได้เข้าถึงชุดตรวจ ATK แบบสวอปจมูกมาจำหน่ายในราคาที่ถูกลง

โดยชุดตรวจจากบริษัท Lepu นี้เป็นที่นิยมใช้เป็นตัวหลักในประเทศเยอรมนี ออสเตรีย และอีกหลายๆ ประเทศในยุโรป เมื่อบริษัท ออสท์แลนด์ฯ ได้รับการอนุมัติจาก อย.จึงสนใจและเป็นฝ่ายเข้าไปติดต่อขอเป็นตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทยสำหรับกระจายให้กับหน่วยงานภาครัฐและกลุ่มท่องเที่ยว กลุ่มงานราชการ ซึ่ง ATK จะเป็นส่วนหนึ่งที่ร่วมทำให้ประเทศไทยกลับมาสู่ภาวะปกติได้เร็วขึ้น และในภาคเศรษฐกิจได้เดินหน้าต่อไป

 

 

Back to top button