SELIC อัดงบ 100 ลบ. ลงทุนสตาร์ทอัพ “พัฒนากระดูก-ข้อต่อเทียม” หวังหนุนผลงานโต
SELIC เตรียมเข้าลงทุนสตาร์ทอัพที่ใช้เทคโนโลยีและความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านในการพัฒนากระดูกและข้อต่อเทียมด้วยเทคโนโลยี AI และ 3D Printing งบไม่เกิน 100 ลบ. ในช่วงไตรมาส 3/64 นี้
นางสาวยุวดี เอี่ยมสนธิทรัพย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีลิค คอร์พ จำกัด (มหาชน) หรือ SELIC กล่าวว่า บริษัทเตรียมเข้าลงทุนในบริษัทสตาร์ทอัพที่ใช้เทคโนโลยีและความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านในการพัฒนากระดูกและข้อต่อเทียมด้วยเทคโนโลยี AI และ 3D Printing ซึ่งก่อตั้งโดยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน อยู่ในอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ และมีความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรรมที่จะสามารถต่อยอดผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่จะทำให้ธุนกิจเจริญเติบโตได้
โดยปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์ของบริษัทดังกล่าวได้รับการอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) แล้ว และได้นำผลิตภัณฑ์ไปใช้กับผู้ป่วยในโรงพยาบาลมากกว่า 400 เคส
ด้านนายเอก สุวัฒนพิมพ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SELIC เปิดเผยว่า บริษัทจะเข้าลงทุนในบริษัทดังกล่าวได้ภายในไตรมาส 3/64 ด้วยงบลงทุนไม่เกิน 100 ล้านบาท นอกจากนั้น บริษัทยังมีโครงการลงทุนที่อยู่ในระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้อีก 2-3 โครงการ คาดว่าจะเห็นความชัดเจนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นางสาวยุวดี ยังเปิดเผยว่า สำหรับนโครงการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ในกลุ่มบรรจุภัณฑ์ใหม่ๆ ที่เป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์สร้างมูลค่าเพิ่ม โดยผลิตภัณฑ์แรกที่เป็นสารที่ใช้ห่อหุ้มส่วนผสม (Encapsulation) เพื่อรองรับกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร อาหารสัตว์ เครื่องดื่ม และยา เกิดความล่าช้า จากสถานการณ์โควิดทำให้เกิดความไม่สะดวกในการทดสอบผลิตภัณฑ์ในห้องแล็บ แต่ยืนยันว่าโครงการนี้ยังเดินหน้าศึกษาต่อไป
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ สำหรับกาวอุตสาหกรรมต่างๆ โดยเฉพาะกาวประเภทรักษาสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนให้กับบริษัท และกาว Hot Melt ชีวภาพ ซึ่งน่าจะส่งเข้าสู่ตลาดได้ภายในปีนี้
นายเอก กล่าวถึงทิศทางผลประกอบการของบริษัทในช่วงไตรมาส 3/64 ว่าน่าจะออกมาทรงตัวหรือลดลงจากไตรมาส 2/64 เพียงเล็กน้อย เนื่องจากในช่วงต้นไตรมาสภาพรวมของประเทศไทยได้รับผลกระทบค่อนข้างมากจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้กำลังซื้อของภาคประชาชนลดลง
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดเริ่มคลี่คลาย และภาครัฐบาลได้เริ่มคลายมาตรการปิดเมือง (Lockdown) เชื่อว่าจะเข้ามาช่วยให้ภาพรวมของบริษัทเร่งตัวขึ้นได้ในช่วงที่เหลือของไตรมาส 4/64 ขณะที่บริษัทยังคงดำเนินกลยุทธ์การหาลูกค้าใหม่ๆ และพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ตอบรับความต้องการของลูกค้า