“หุ้นเอเชีย” ผันผวน! รับแรงกดดันตัวเลขจ้างงานสหรัฐ ส.ค.ต่ำกว่าคาด
“หุ้นเอเชีย” ผันผวน! รับแรงกดดันตัวเลขจ้างงานสหรัฐเดือน ส.ค. 64 ต่ำกว่าคาดการณ์ ทำให้นักลงทุนวิตกการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ จากผลกระทบของโรคโควิดท่ามกลางการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วของไวรัสสายพันธุ์เดลต้า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลาดหุ้นเอเชียเปิดผันผวนในเช้าวันนี้ โดยบางส่วนได้รับแรงกดดันจากการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานของสหรัฐที่ต่ำกว่าคาดการณ์ ซึ่งทำให้นักลงทุนเกิดความไม่มั่นใจเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจากผลกระทบของโรคโควิด-19 ท่ามกลางการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วของไวรัสสายพันธุ์เดลต้า
โดยดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,580.14 จุด ลดลง 1.59 จุด หรือ -0.04%, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 29,501.22 จุด เพิ่มขึ้น 373.11 จุด หรือ +1.28% และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 25,827.17 จุด ลดลง 74.82 จุด หรือ -0.29%
ด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานในวันศุกร์ (3 ก.ย.2564) ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 235,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. 2564 ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 720,000 ตำแหน่ง หลังจากพุ่งขึ้น 1,053,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. 2564 ส่วนอัตราการว่างงานปรับตัวลงสู่ระดับ 5.20% ในเดือนส.ค. 2564 สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากแตะระดับ 5.40% ในเดือนก.ค. 2564
ส่วนผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ตัวเลขการจ้างงานจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ใช้ในการพิจารณาว่าจะเริ่มประกาศปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินของเฟดในวันที่ 21 – 22 ก.ย.นี้หรือไม่
ทั้งนี้นักลงทุนมีมุมมองที่แตกต่างกันหลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงาน โดยบางส่วนผิดหวังกับตัวเลขจ้างงานดังกล่าว เนื่องจากมองว่าตลาดแรงงานสหรัฐยังคงอ่อนแอ และบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังไม่ฟื้นตัวขึ้นหลังได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ขณะที่อีกส่วนหนึ่งมองมุมบวกว่า ตัวเลขการจ้างงานที่ต่ำกว่าคาดดังกล่าว จะทำให้เฟดยังไม่เร่งประกาศปรับลดวงเงิน QE โดยนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดได้กล่าวย้ำก่อนหน้านี้ว่า ตลาดแรงงานสหรัฐจะต้องแข็งแกร่งขึ้นก่อนที่เฟดจะพิจารณาปรับลดวงเงิน QE
ขณะเดียวกันนักลงทุนในภูมิภาคยังจับตาทิศทางหุ้นไทย หลังจากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม พร้อมรัฐมนตรีอีก 5 คนได้รับคะแนนเสียงไว้วางใจให้ดำรงตำแหน่งต่อไป