SMPC มั่นใจยอดขายปี 64 โตเข้าเป้า 10-15% รับคำสั่งซื้อยาวเกือบถึงสิ้นปี

SMPC มั่นใจยอดขายปี 64 โตเข้าเป้า 10-15% หรือแตะ 8 ล้านใบ หลังมีคำสั่งซื้อยาวเกือบถึงสิ้นปี 64 รับผลดีเงินบาทอ่อนค่า เดินหน้าบุกตลาดตปท.เพิ่ม โดยเฉพาะทวีปอเมริกาใต้ แอฟริกา CLMV ตั้งเป้าปี 65 ยอดขายพุ่ง 10-15%


นายสุรศักดิ์ เอิบสิริสุข ประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้จัดการ บริษัท สหมิตรถังแก๊ส จำกัด (มหาชน) หรือ SMPC เปิดเผยว่า บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายในปี 65 จะเติบโต 10-15% หรือคิดเป็นจำนวนถังแก๊สที่ 9.2 ล้านใบ ขณะที่ปีนี้คาดว่าจะมียอดขายเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ 10-15% หรือคิดเป็นจำนวน 8 ล้านใบ จากครึ่งปีแรกทำได้แล้วที่ 3.5 ล้านใบ

ขณะที่ในครึ่งปีหลังนี้ บริษัทฯ คาดแนวโน้มผลประกอบการจะเติบโตดีกว่าในช่วงครึ่งปีแรก จากมีออเดอร์ยาวไปจนถึงสิ้นปีนี้แล้ว ทำให้มั่นใจว่ายอดขายจะทำได้ตามเป้า ประกอบกับยังมีปัจจัยบวกจากลูกค้าสามารถรับภาระค่าใช้จ่ายจากสถานการณ์การส่งออกทางเรือได้มากขึ้น และแนวโน้มการอ่อนค่าของค่าเงินบาทส่งผลบวกต่อบริษัท ขณะเดียวกันบริษัทฯ ได้มีการขยายตลาดใหม่ๆ เพิ่ม ได้แก่ ในทวีปอเมริกาใต้ หลังจากที่ยอดขายในทวีปอเมริกาเหนือเติบโตแรง รวมถึงยังมีประเทศในแถบแอฟริกาที่ยังมีโอกาสการเติบโตอีกมาก ขณะที่ตลาด CLMV ก็มียอดขายดีขึ้นเช่นเดียวกัน

แนวโน้มผลประกอบการครึ่งปีหลังมีทิศทางสดใสขึ้น บริษัทมีคำสั่งซื้อยาวเกือบถึงสิ้นปี 64 โดยเน้นการขายถังแก๊สขนาดใหญ่ (ถังสามส่วน) เพราะอัตรากำไรสูงกว่าถังขนาดเล็ก ขณะที่เงินบาทอ่อนค่า ลูกค้าสามารถรับภาระค่าขนส่งได้มากขึ้นกว่าในช่วงต้นปีที่ผ่านมา และบริษัทเน้นการขายแบบ FOB มากขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงจากค่าขนส่งที่อาจสูงขึ้นมาก แม้ปริมาณการขายถังก๊าซในช่วงครึ่งปีแรก จะทำได้ 3.5 ล้านใบ แต่ยังมั่นใจว่าทั้งปี 64 จะขายได้ 8 ล้านใบ ตามแผน เพิ่มจากปี 63 ที่ขายได้ 7.2 ล้านใบ” นายสุรศักดิ์ กล่าว

สำหรับสัดส่วนรายได้หลักของบริษัทกว่า 95% มาจากตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทวีปแอฟริกา อเมริกาเหนือ และเอเชียแปซิฟิก มีสัดส่วนรวมกันมากกว่า 80% ของยอดขาย ซึ่งเป็นตลาดที่มีความต้องการใช้ LPG เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยทวีปแอฟริกาและเอเชียแปซิฟิกมีการคาดการณ์ว่าจะเป็นตลาดที่เติบโตเร็วที่สุดในช่วง 10 ปีข้างหน้า เนื่องจากยังเป็นตลาดที่มีอัตราการใช้แก๊สต่อประชากรที่ต่ำมากเมื่อเทียบกับประเทศที่พัฒนาแล้ว ส่วนตลาดในประเทศมีสัดส่วนเพียง 3% เป็นตลาดที่อิ่มตัว มีการบริโภคก๊าซ 32-33 กิโลกรัม/คน/ปี แต่เป็นตลาดที่ต้องมีการตรวจคุณภาพถังก๊าซทุกๆ 5 ปี ทำให้บริษัทมีรายได้บางส่วนจากการรับซ่อมและตรวจสอบคุณภาพถังสม่ำเสมอ

ส่วนสถานการณ์ราคาเหล็กในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้นมากอย่างต่อเนื่อง อาจส่งผลต่อบริษัทบางส่วน อย่างไรก็ตาม เนื่องจากนโยบายการเสนอราคาของบริษัทเป็นแบบ Cost plus และลูกค้าบางรายที่เป็นออเดอร์ระยะยาว จะมีเงื่อนไขให้บริษัทสามารถเจรจาปรับราคาได้หากมีการเปลี่ยนแปลงของราคาเหล็กมาก ประกอบกับบริษัทยังคงมีสต๊อกเหล็กที่ราคาไม่สูงมากสำรองไว้จำนวนหนึ่ง จึงคาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อมาร์จิ้นมากนัก ในทางกลับกัน แนวโน้มราคาเหล็กที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จะช่วยกระตุ้นให้ลูกค้าบางรายตัดสินใจสั่งซื้อในปริมาณที่มากขึ้นและเร็วขึ้น เป็นผลให้ยอดขายเติบโตมากขึ้นด้วย

 

Back to top button