สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 13 ก.ย. 2564
สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 13 ก.ย. 2564
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (13 ก.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน รวมทั้งหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจ เช่น กลุ่มธุรกิจเรือสำราญและกลุ่มสายการบิน ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนส.ค.ของสหรัฐในวันนี้ รวมทั้งการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 21-22 ก.ย.
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,869.63 จุด เพิ่มขึ้น 261.91 จุด หรือ + 0.76% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,468.73 จุด เพิ่มขึ้น 10.15 จุด หรือ + 0.23% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,105.58 จุด ลดลง 9.91 จุด หรือ -0.07%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (13 ก.ย.) เป็นครั้งแรกในรอบ 5 วัน โดยหุ้นกลุ่มน้ำมัน, ธนาคาร และสาธารณูปโภคปรับตัวขึ้นจากความหวังว่า การฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งของเศรษฐกิจยูโรโซนนั้นจะบดบังความเสี่ยงจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 467.69 จุด เพิ่มขึ้น 1.35 จุด หรือ +0.29%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,676.93 จุด เพิ่มขึ้น 13.16 จุด หรือ +0.20%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,701.42 จุด เพิ่มขึ้น 91.61 จุด หรือ +0.59% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,068.43 จุด เพิ่มขึ้น 39.23 จุด หรือ +0.56%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (13 ก.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน ซึ่งช่วยหนุนตลาดขึ้นหลังจากร่วงลงหนักที่สุดในสัปดาห์ที่ผ่านมานับตั้งแต่กลางเดือนส.ค.
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,068.43 จุด เพิ่มขึ้น 39.23 จุด หรือ +0.56%
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเหนือระดับ 70 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 6 สัปดาห์เมื่อคืนนี้ (13 ก.ย.) โดยได้รับปัจจัยบวกจากรายงานที่ว่าแหล่งผลิตน้ำมันในอ่าวเม็กซิโกยังคงได้รับผลกระทบจากพายุเฮอริเคนไอดา นอกจากนี้ ตลาดยังคาดการณ์ว่าการผลิตน้ำมันในรัฐเท็กซัสอาจได้รับผลกระทบจากพายุโซนร้อนนิโคลัสที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 73 เซนต์ หรือ 1.10% ปิดที่ 70.45 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 30 ส.ค.ปีนี้
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 59 เซนต์ หรือ 0.80% ปิดที่ 73.51 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 30 ก.ค.ปีนี้
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (13 ก.ย.) เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาเป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย อย่างไรก็ดี การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ได้สกัดแรงบวกในตลาดและทำให้สัญญาไม่สามารถยืนที่เหนือระดับ 1,800 ดอลลาร์
ทั้งนี้สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 2.30 ดอลลาร์ หรือ 0.13% ปิดที่ 1,794.40 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 10.40 เซนต์ หรือ 0.44% ปิดที่ 23.796 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 1 ดอลลาร์ หรือ 0.10% ปิดที่ 957.50 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. ร่วงลง 46.50 ดอลลาร์ หรือ 2.20% ปิดที่ 2,079.80 ดอลลาร์/ออนซ์
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (13 ก.ย.) ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐในวันนี้ เพื่อจับทิศทางอัตราเงินเฟ้อและแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.11% แตะที่ 92.6755 เมื่อคืนนี้
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 110.00 เยน จากระดับ 109.89 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9228 ฟรังก์ จากระดับ 0.9178 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2667 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2658 ดอลลาร์แคนาดา
ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1803 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1815 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.3831 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3845 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 0.7360 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7364 ดอลลาร์