สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 14 ก.ย. 2564

สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 14 ก.ย. 2564


ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (14 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่รัฐบาลสหรัฐจะปรับขึ้นภาษีเงินได้นิติบุคคล ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อรายได้ของบริษัทจดทะเบียน โดยความกังวลดังกล่าวส่งผลให้เกิดแรงเทขายในหุ้นกลุ่มต่างๆเป็นวงกว้าง แม้ว่าในช่วงแรกตลาดได้รับปัจจัยหนุนจากตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดก็ตาม

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,577.57 จุด ร่วงลง 292.06 จุด หรือ -0.84% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,443.05 จุด ลดลง 25.68 จุด หรือ -0.57% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,037.76 จุด ลดลง 67.82 จุด หรือ -0.45%

ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (14 ก.ย.) โดยหุ้นกลุ่มเหมืองแร่, ธนาคาร และสินค้าหรูหรานำตลาดปรับตัวลง หลังตลาดได้แรงหนุนในระยะสั้นๆ เท่านั้นจากการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลงในสหรัฐ

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 467.65 จุด ลดลง 0.04 จุด หรือ -0.01%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,652.97 จุด ลดลง 23.96 จุด หรือ -0.36% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,034.06 จุด ลดลง 34.37 จุด หรือ -0.49% ส่วนดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,722.99 จุด เพิ่มขึ้น 21.57 จุด หรือ +0.14%

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (14 ก.ย.) โดยถูกกดดันจากหุ้นกลุ่มโลหะและกลุ่มธนาคารที่ปรับตัวลง นอกจากนี้ การเปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวังของบริษัทจดทะเบียนของอังกฤษ และความวิตกเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อถ่วงตลาดลงด้วย

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,034.06 จุด ลดลง 34.37 จุด หรือ -0.49%

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (14 ก.ย.) โดยราคาน้ำมันแผ่วลงในช่วงท้าย หลังจากที่พุ่งขึ้นทะลุระดับ 71 ดอลลาร์/บาร์เรลในระหว่างวัน เนื่องจากความกังวลที่ว่า พายุเฮอริเคนนิโคลัสจะส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมันของรัฐเท็กซัสในสัปดาห์นี้

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 1 เซนต์ ปิดที่ 70.46 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 3 ส.ค.ปีนี้

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 9 เซนต์ หรือ 0.10% ปิดที่ 73.60 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 30 ก.ค.ปีนี้

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (14 ก.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่ต่ำกว่าคาด

ทั้งนี้สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 12.70 ดอลลาร์ หรือ 0.71% ปิดที่ 1,807.10 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 8.90 เซนต์ หรือ 0.37% ปิดที่ 23.885 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. ร่วงลง 18.80 ดอลลาร์ หรือ 1.96% ปิดที่ 938.70 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. ดิ่งลง 104.20 ดอลลาร์ หรือ 5% ปิดที่ 1,975.60 ดอลลาร์/ออนซ์

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (14 ก.ย.) หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่ต่ำกว่าคาดการณ์ ซึ่งจะลดแนวโน้มที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)

ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.05% แตะที่ 92.6265 เมื่อคืนนี้

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 109.61 เยน จากระดับ 110.00 เยน และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9193 ฟรังก์ จากระดับ 0.9228 ฟรังก์ แต่ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2686 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2667 ดอลลาร์แคนาดา

ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1807 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1803 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.3814 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3831  ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.7318 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7360 ดอลลาร์สหรัฐ

Back to top button