“ฟินันเซีย” แนะ “เก็งกำไร” KSL รับราคาน้ำตาลตลาดโลกพุ่ง เคาะเป้า 4.70 บ.

“ฟินันเซีย” แนะ “เก็งกำไร” KSL ตามราคาน้ำตาลโลกพุ่ง รับ 3 ปัจจัยบวก ดีมานด์ฟื้น-ปริมาณส่งออกจากอินเดียลดลง-ผลผลิตอ้อยไทยอาจต่ำกว่าคาด พร้อมมองกำไรปี 65 เติบโตกว่าเท่าตัว เคาะเป้า 4.70 บ.


บริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ (20 ก.ย.2564) เกี่ยวกับบริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน) หรือ KSL โดยคาดการณ์ภาวะน้ำตาลโลกปีหน้า 2564-2565 ยังขาดดุลราว 2-3 ล้านตัน ถือเป็นการขาดดุลปีที่ 3 ติดต่อกัน โดยหลักมาจากปัญหาความผันผวนของสภาพอากาศจากภัยแล้งในช่วงก่อนหน้า ทำให้ตลาดคาดผลผลิตน้ำตาลของบราซิล ปี 2564-2565 ไว้ที่ 32 ล้านตัน ปรับตัวลดลง 17% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน และได้เผชิญกับอากาศแปรปรวนเป็นหนาวเย็น ล่าสุดมีการปรับลดผลผลิตลงเหลือ 28 ล้านตัน ลดลง 27.3% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน

โดยปัจจุบันหีบไปแล้ว 70% จะหีบเสร็จในช่วงปลายปี ขณะที่คาดผลผลิตอินเดียจะทรงตัวอยู่ที่ 31.5 ล้านตัน แต่อาจมีปัจจัยหนุนที่การส่งออกอาจลดลงจาก 6.6 ล้านตันในปี 2563-2564 มาอยู่ที่ 2-3 ล้านตันในปี 2564-2565 หลังราคาน้ำตาลโลกปรับขึ้น และมีความเป็นไปได้ที่จะไม่มี Subsidy จากภาครัฐเหมือน 2 ปีที่ผ่านมา (ซึ่งเป็นช่วงราคาน้ำตาลตกต่ำ ขณะที่ต้นทุนในอินเดียสูงกว่าราคาตลาดโลก) สุดท้ายคือ ผลผลิตอ้อยไทยปี 2564-2565 คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 85-90 ล้านตัน จาก 66 ล้านตันในปี 2563-2564 ปรับขึ้นครั้งแรกในรอบ 4 ปี แต่ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้ภาวะน้ำตาลโลกพลิกเป็นเกินดุลได้

ทั้งนี้คาดว่าราคาน้ำตาลโลกเมื่อเทียบตั้งแต่ต้น 2564  เฉลี่ยที่ 17.21 เซนต์ต่อปอนด์ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 11% เมื่อเทียบตั้งแต่ต้นปีและ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 34% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน  ปัจจุบันราคาเฉลี่ยเดือน ก.ย. อยู่ที่ 19,38 เซนต์ต่อปอนด์ ทรงตัว ในช่วงเวลาเดียวกันเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าได้เริ่มสะท้อนประเด็นผลผลิตของบราซิลลดลงต่ำกว่าคาด

อย่างไรก็ตาม ยังมองว่าแนวโน้มราคาน้ำตาลหลังจากนี้น่าจะยังทรงตัวสูงอยู่ในกรอบ 17.5-19.5 เซนต์ต่อปอนด์ โดยมี 3 Catalyst หลักคือ 1. คาดหวัง Derand กลับมาฟื้นตัว หลัง COVID-19 คลี่คลาย 2. ปริมาณการส่งออกจากอินเดียจะลดลงหลังไม่มี Subsidy และเริ่มนำอ้อยไปผลิตเอธานอลมากขึ้น และ 3. การฟื้นตัวของผลผลิตอ้อยไทยอาจต่ำกว่าคาด หากผลผลิตเสียหายจากปริมาณน้ำในปีนี้ทีเยอะขึ้น

โดยปัจจุบันบริษัทอ้อยและน้ำตาลไทย จำกัด (อนท.) ได้ทยอยล็อกราคาขายน้ำตาลส่งออกในปี 2565 ไปแล้วราว 30% ที่ราค่าเฉลี่ย (รวม Premium) 19.5 เซนต์ต่อปอนด์ปรับตัวเพิ่มขึ้น 12 % เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อนคาดว่าบริษัทจะทยอยล็อกในปริมาณและราคาขายที่ใกล้เคียงหรืออาจสูงกว่าอนท.เล็กน้อย ประกอบกับปริมาณขายน้ำตาลที่จะกลับมาดีขึ้น จากทั้งปริมาณอ้อยที่สูงขึ้น และความต้องการบริโภคฟื้นตัวหลัง COVID-19 คลี่คลาย นอกจากนี้ ปริมาณอ้อยที่มากขึ้น จะส่งผลบวกต่อไปยังธุรกิจต่อเนื่องทั้งโรงไฟฟ้า และเอธานอล ทำให้มีเชื้อเพลิงมากขึ้น ลดการซื้อเชื้อเชื้อเพลิงจากภายนอก

ดังนั้นจึงคาดเห็นการฟื้นตัวทั้งรายได้และอัตรากำไรขั้นต้นในปี 2565 กลับมาสดใสอีกครั้ง และคาดกำไรสุทธิปี 2565 จะเติบโตกลับสู่ระดับ 1,181 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 106% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน ระยะสั้นคาดกำไรไตรมาส 4 ปี 2564 จะยังไม่สดใสเพราะเป็น Low Season และจะกลับมาฟื้นตั้งแต่ไตรมาส 1 ปี 2565 เป็นต้นไป ประเมินราคาเป้าหมาย KSL ปี 2565 อยู่ที่ 4.7 บาท (อิง PBV 1 เท่า) และแนะนำ “เก็งกำไร” ตามราคาน้ำตาลตลาดโลก

Back to top button