สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 20 ก.ย. 2564
สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 20 ก.ย. 2564
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 600 จุดเมื่อคืนนี้ (20 ก.ย.) ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดร่วงลงเป็นเปอร์เซ็นต์ในวันเดียวที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.ปีนี้ เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าการผิดนัดชำระหนี้ของไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป ซึ่งบริษัทอสังหาริมทรัพย์ใหญ่อันดับ 2 ของจีน จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,970.47 จุด ลดลง 614.41 จุด หรือ -1.78% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,357.73 จุด ลดลง 75.26 จุด หรือ -1.70% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,713.90 จุด ลดลง 330.07 จุด หรือ -2.19%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (20 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับการล้มละลายของบริษัทเอเวอร์แกรนด์ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของจีน และนักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางอังกฤษในสัปดาห์นี้
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 454.12 จุด ร่วงลง 7.72 จุด หรือ -1.67%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,455.81 จุด ลดลง 114.38 จุด หรือ -1.74%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,132.06 จุด ร่วงลง 358.11 จุด หรือ -2.31% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,903.91 จุด ลดลง 59.73 จุด หรือ -0.86%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลดลงเมื่อคืนนี้ (20 ก.ย.) ที่ระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน โดยถูกกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่และกลุ่มธนาคาร ขณะที่ความวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นถ่วงตลาดลงด้วยก่อนการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ในสัปดาห์นี้
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,903.91 จุด ลดลง 59.73 จุด หรือ -0.86%
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 2% เมื่อคืนนี้ (20 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนหลีกเลี่ยงการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการผิดนัดชำระหนี้ของไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ใหญ่อันดับ 2 ของจีน นอกจากนี้ การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังสร้างแรงกดดันต่อตลาดน้ำมัน
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 1.68 ดอลลาร์ หรือ 2.3% ปิดที่ 70.29 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย. ลดลง 1.42 ดอลลาร์ หรือ 1.9% ปิดที่ 73.92 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (20 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัยหลังตลาดหุ้นสหรัฐและทั่วโลกร่วงลงอย่างหนัก ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการผิดนัดชำระหนี้ของไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป บริษัทอสังหาริมทรัพย์ใหญ่อันดับ 2 ของจีน
ทั้งนี้สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 12.4 ดอลลาร์ หรือ 0.71% ปิดที่ 1,763.80 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 13.30 เซนต์ หรือ 0.60% ปิดที่ 22.204 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 31.40 ดอลลาร์ หรือ 3.37% ปิดที่ 899.20 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. ร่วงลง 118.60 ดอลลาร์ หรือ 6% ปิดที่ 1,865.20 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2563
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (20 ก.ย.) โดยนักลงทุนพากันเข้าซื้อดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัย ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการผิดนัดชำระหนี้ของไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ใหญ่อันดับ 2 ของจีน นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจส่งสัญญาณปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในการประชุมสัปดาห์นี้
ทั้งนี้ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.09% แตะที่ 93.2760 เมื่อคืนนี้
ยูโรอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1723 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1729 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.3644 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3738 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.7237 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7273 ดอลลาร์
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 109.36 เยน จากระดับ 109.91 เยน และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9277 ฟรังก์ จากระดับ 0.9322 ฟรังก์ แต่เมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.2827 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2745 ดอลลาร์แคนาดา