“หุ้นเอเชีย” เปิดลบ! นลท.จับตาสถานการณ์ “เอเวอร์แกรนด์” หลังขาดสภาพคล่องหนัก
“หุ้นเอเชีย” เปิดลบ! นลท.จับตาสถานการณ์ บริษัทไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป อสังหาริมทรัพย์ใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของจีน ซึ่งกำลังเผชิญปัญหาวิกฤตสภาพคล่อง และมีกำหนดจ่ายดอกเบี้ยหุ้นกู้ของบริษัท 2 งวดในเดือนนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลาดหุ้นเอเชียเปิดในแดนลบ โดยตลาดหุ้นบางแห่งยังคงปิดทำการ ขณะที่นักลงทุนจับตาสถานการณ์ของบริษัทไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป ซึ่งกำลังเผชิญปัญหาวิกฤตสภาพคล่อง และมีกำหนดจ่ายดอกเบี้ยหุ้นกู้ของบริษัท 2 งวดในเดือนนี้
โดยดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 30,021.25 จุด ร่วงลง 478.8 จุด หรือ -1.57% ส่วนดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 23,867.16 จุด ลดลง 231.98 จุด หรือ -0.96%
ส่วนตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดทำการวันนี้ (21 ก.ย.) เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า และตลาดหุ้นจีนปิดทำการวันนี้ (21 ก.ย.) เนื่องในเทศกาลไหว้พระจันทร์
สำหรับปัญหาสภาพคล่องของบริษัทไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั่วภูมิภาค โดยเมื่อวานนี้ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดร่วงลงกว่า 3% จากแรงเทขายหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์
อีกทั้งก่อนหน้านี้ เอเวอร์แกรนด์ออกแถลงการณ์ยอมรับว่าบริษัทกำลังเผชิญปัญหาสภาพคล่อง และอาจไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด โดยมีการประเมินว่า ขณะนี้เอเวอร์แกรนด์มีหนี้สินมากกว่า 3 แสนล้านดอลลาร์ หรือราว 10 ล้านล้านบาท เทียบเท่ากับ 2% ของตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของจีน หลังจากที่บริษัทได้ทำการกู้เงินมาเป็นเวลาหลายปีเพื่อรองรับการขยายตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีน
อย่างไรก็ตามเอเวอร์แกรนด์มีกำหนดจ่ายดอกเบี้ยหุ้นกู้ 2 งวดในเดือนนี้ โดยมีกำหนดชำระดอกเบี้ยวงเงิน 83.50 ล้านดอลลาร์ หรือราว 2,780 ล้านบาท ในวันที่ 23 ก.ย.ของหุ้นกู้ที่มีกำหนดครบอายุเดือนมี.ค. 2565 และมีกำหนดชำระดอกเบี้ยวงเงิน 47.50 ล้านดอลลาร์ หรือราว 1,580 ล้านบาท ในวันที่ 29 ก.ย.ของหุ้นกู้ที่ครบอายุเดือนมี.ค. 2567
ทั้งนี้หากเอเวอร์แกรนด์ไม่สามารถชำระดอกเบี้ยเมื่อถึงวันกำหนดชำระดังกล่าว ทางบริษัทจะมีเวลาอีก 30 วันในการชำระดอกเบี้ย มิฉะนั้นจะถือว่าบริษัทผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ ซึ่งหากเอเวอร์แกรนด์ตกอยู่ในสภาพผิดนัดชำระหนี้ ทางบริษัทจะต้องทำการปรับโครงสร้างหนี้ ซึ่งคาดว่านักลงทุนที่เข้าซื้อหุ้นกู้ของเอเวอร์แกรนด์จะได้รับส่วนแบ่งการชำระคืนในสัดส่วนต่ำ