STECH คว้างานใหม่กว่า 320 ลบ. ลุยประมูลบิ๊กโปรเจ็กต์ หนุนครึ่งปีหลังโตเด่น
STECH โชว์ฟอร์มไตรมาส 3 คว้างานใหม่กว่า 320 ลบ. เดินหน้าลุยประมูลบิ๊กโปรเจ็กต์เพิ่มอีกกว่า 600 ลบ. โดยเฉพาะโรงงานแห่งที่ 10 ที่ชลบุรี คาดเซ็นสัญญางานก่อสร้างระบบสายส่งไฟฟ้าแรงสูง 115 kV กับกฟภ. ภายในก.ย.นี้ และทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 4/64
นายวัฒน์ชัย มงคลศรีสวัสดิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามเทคนิคคอนกรีต จำกัด (มหาชน) หรือ STECH เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจในไตรมาส 3 ปี 2564 บริษัทฯ เดินหน้ารับโครงการใหม่อย่างต่อเนื่องทั้งจากภาครัฐบาลและเอกชน รวมมูลค่ากว่า 320 ล้านบาท ซึ่งเป็นงานที่ได้รับในเดือน กรกฎาคม-สิงหาคม 2564 สนับสนุนภาพรวมธุรกิจครึ่งปีหลังคาดว่าจะเติบโตตามแผน และมองว่าจะเติบโตกว่าครึ่งปีแรก รับอุตสาหกรรมงานก่อสร้างและงานโครงสร้างพื้นฐานเริ่มเดินหน้าและเร่งส่งมอบภายในปีนี้
โดยงานโครงการภาครัฐที่บริษัทฯ ได้รับมาเพิ่มเติม อาทิ งานประมูลขายเสาไฟฟ้า การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค มูลค่ากว่า 63 ล้านบาท, งานเสาเข็มเขื่อนป้องกันน้ำท่
นอกจากโครงการภาครัฐแล้ว STECH ยังได้รับงานโครงการภาคเอกชนอย่
“ภาพรวมธุรกิจในครึ่งปีหลัง เริ่มเห็นสัญญาณบวกจากภาครัฐบาลและเอกชนเริ่มมีงานประมูลออกมาแล้ว ทำให้มองว่า งานส่วนใหญ่ที่ถูกชะลอในครึ่งปีแรกจากสถานการณ์โควิด-19 ที่มีการแพร่ระบาดต่อเนื่องจากปี 2563 ที่ผ่านมา จะเริ่มกลับมาเดินหน้าประมูลงานใหม่และส่งมอบได้ในช่วงครึ่งปีหลัง โดยในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา เราก็คว้างานใหม่เข้ามาเสริม Backlog แล้วกว่า 3 ร้อยล้านบาท
อีกทั้งยังอยู่ระหว่างติดตามการประมูลงานใหม่อย่างต่อเนื่องอีก หรือคิดเป็นมูลค่างานประมาณ 600 ล้านบาท เช่น งานเสาเข็มสปัน โครงการรถไฟเชื่อม 3 สนามบิน และ งานเสาเข็มสปัน โครงการรถไฟไทยจีน เป็นต้น สะท้อนโอกาสในการเข้ารับงานเพิ่มเติม ส่วนงานโครงการก่อสร้างระบบสายส่งไฟฟ้าแรงสูง 115 kV มูลค่าประมาณ 104 ล้านบาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ซึ่งได้รับใบสั่งจ้างเรียบร้อยแล้ว คาดจะมีการเซ็นสัญญากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ภายในเดือนกันยายนนี้ และทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 4/64 เป็นต้นไป” นายวัฒน์ชัย กล่าว
อย่างไรก็ดี งานคอนกรีตอัดแรงถือเป็นรากฐานสำคัญอันดับต้นๆ ในงานก่อสร้าง บริษัทฯ จึงเชื่อว่าจะได้อานิสงส์ในงานเมกะโปรเจ็กต์ที่เริ่มทยอยออกมาตามแผน จากจุดเด่นของบริษัทฯ ในความเชี่ยวชาญ และคุณภาพของผลิตภัณฑ์ อีกทั้ง บริษัทฯ มีโรงงาน 9 แห่ง ครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาค ยกเว้นภาคใต้ ทำให้มีความสามารถในการแข่งขัน เตรียมพร้อมสำหรับการเข้ารับงานใหม่ๆ โดยเฉพาะโรงงานแห่งที่ 10 ที่ชลบุรี สาขาที่ 2 จะแล้วเสร็จในช่วงปลายปีนี้ เป็นอีกกำลังเสริมทัพการเข้ารับงานโซนภาคตะวันออก รวมถึงโปรเจ็กต์ EEC เป็นโอกาสการเติบโตในปี 2565 ต่อเนื่อง