“ดาวโจนส์ฟิวเจอร์” พุ่ง 200 จุด บ่งชี้ “วอลล์สตรีท” ขานรับผลประชุมเฟด
“ดาวโจนส์ฟิวเจอร์” พุ่ง 206 จุด ส่งสัญญาณ “วอลล์สตรีท” จะดีดตัวขึ้นในคืนนี้ ขานรับผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เมื่อวานนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์พุ่งขึ้นกว่า 200 จุดในวันนี้ บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะดีดตัวขึ้นในคืนนี้ ขานรับผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เมื่อวานนี้
โดย ณ เวลา 18.55 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์บวก 206 จุด หรือ 0.60% สู่ระดับ 34,335 จุด
สำหรับดัชนีดาวโจนส์ปิดพุ่งขึ้นกว่า 300 จุดเมื่อคืนนี้ หลังจากเฟดไม่ได้ระบุไทม์ไลน์ที่ชัดเจนในการปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) โดยส่งสัญญาณเพียงว่าจะปรับลด QE ในไม่ช้านี้ ซึ่งบ่งชี้ว่าเฟดยังไม่เร่งถอนมาตรการกระตุ้นทางการเงินซึ่งเฟดได้นำมาใช้เพื่อพยุงเศรษฐกิจในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
นอกจากนี้กรรมการเฟดส่วนใหญ่คาดว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะเกิดขึ้นในปี 2565 ซึ่งเร็วกว่าถึง 1 ปี เมื่อเทียบกับคาดการณ์เดิมในเดือนมิ.ย. ซึ่งกรรมการเฟดคาดว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2566
ขณะเดียวกันนักลงทุนยังคงจับตาความชัดเจนในการชำระดอกเบี้ยหุ้นกู้ของไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ใหญ่อันดับ 2 ของจีน
ส่วนหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัลรายงานวันนี้ว่า ทางการจีนได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นของจีนเตรียมรับมือการล้มละลายของไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ปที่อาจเกิดขึ้น
อนึ่งคำเตือนดังกล่าวเป็นการส่งสัญญาณว่ารัฐบาลจีนไม่มีความประสงค์ที่จะเข้ากอบกู้กิจการของเอเวอร์แกรนด์ แต่จะเตรียมพร้อมรับมือผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อภาคเศรษฐกิจและสังคมของจีน หากเอเวอร์แกรนด์ต้องประสบกับภาวะล้มละลายในที่สุด
อีกทั้งสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ทางการจีนได้แจ้งให้เอเวอร์แกรนด์ชำระหนี้หุ้นกู้สำหรับนักลงทุนรายย่อย รวมทั้งหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้สำหรับหุ้นกู้สกุลเงินดอลลาร์
ทั้งนี้เอเวอร์แกรนด์มีกำหนดชำระดอกเบี้ยหุ้นกู้ 2 งวดในวันนี้ โดยมีกำหนดจ่ายดอกเบี้ยวงเงิน 232 ล้านหยวน หรือราว 35.88 ล้านดอลลาร์สำหรับหุ้นกู้สกุลเงินหยวนที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในเดือนก.ย.2568 รวมทั้งจ่ายดอกเบี้ยอีกก้อนหนึ่งวงเงิน 83.5 ล้านดอลลาร์สำหรับหุ้นกู้สกุลเงินดอลลาร์ที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในเดือนมี.ค.2565
นอกจากนี้เอเวอร์แกรนด์ยังมีดอกเบี้ยที่รอการชำระอีกในวันที่ 29 ก.ย.จำนวน 47.50 ล้านดอลลาร์สำหรับหุ้นกู้สกุลเงินดอลลาร์ที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในเดือนมี.ค.2567
อย่างไรก็ตามหากเอเวอร์แกรนด์ไม่สามารถชำระดอกเบี้ยหุ้นกู้ได้ตามกำหนด ทางบริษัทก็จะมีเวลาอีก 30 วันหลังวันครบกำหนดชำระเพื่อหาทางจ่ายหนี้ที่เกิดขึ้น ก่อนที่จะถูกประกาศว่าบริษัทผิดนัดชำระหนี้
ด้านสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า เอเวอร์แกรนด์ได้ผิดนัดชำระดอกเบี้ยเงินกู้ต่อธนาคารเจ้าหนี้อย่างน้อย 2 แห่งเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
โดยเอเวอร์แกรนด์ออกแถลงการณ์ก่อนหน้านี้ยอมรับว่าบริษัทกำลังเผชิญปัญหาสภาพคล่อง และอาจไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด
ทั้งนี้เอเวอร์แกรนด์มีตราสารหนี้เชิงพาณิชย์มูลค่ารวม 2.057 แสนล้านหยวน (3.2 หมื่นล้านดอลลาร์) หรือราว 1 ล้านล้านบาท ณ สิ้นปี 2563
นอกจากนี้เอเวอร์แกรนด์มีหนี้สินมากกว่า 3 แสนล้านดอลลาร์ หรือราว 10 ล้านล้านบาท เทียบเท่ากับ 2% ของตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของจีน หลังจากที่บริษัทได้ทำการกู้เงินมาเป็นเวลาหลายปีเพื่อรองรับการขยายตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีน