ICHI มั่นใจยอดขายปี 64 โตกว่า 10% รุกออกสินค้าใหม่ จ่อปิดดีล 2 ลูกค้า OEM ปีนี้
ICHI มั่นใจยอดขายปี 64 โตกว่า 10% หลังโควิด-19 คลี่คลาย หนุนกำลังซื้อเพิ่ม เดินหน้าออกสินค้าใหม่ต่อเนื่อง จ่อปิดดีล 2 ลูกค้า OEM ปีนี้ นี้ ส่งผลให้ในปี 65 จะมีลูกค้า OEM ทั้งสิ้น 4 ราย พร้อมศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับพืชกระท่อม
นายตัน ภาสกรนที กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ICHI เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจว่ายอดขายปีนี้จะเติบโตมากกว่า 10% ตามที่ตั้งไว้ โดยยอดขายครึ่งปีแรกอยู่ที่ 2.7 พันล้านบาท ซึ่งคาดว่าในช่วงครึ่งปีหลัง โดยเฉพาะในไตรมาส 4/64 ยอดขายจะฟื้นตัวดีอย่างแน่นอน หลังสถานการณ์โควิด-19 ที่คลี่คลายมากขึ้น ประชาชนเริ่มกลับมาประกอบกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้ อีกทั้งถ้ามีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในช่วงปลายปี ก็จะส่งผลดีกับยอดขายเช่นกัน
อีกทั้งบริษัทยังคงเดินหน้าออกสินค้าใหม่ในช่วงครึ่งปีหลัง อย่างในเดือนก.ค.ที่ผ่านมามีการออกสินค้า ICHITAN Green Tea X Vitamin ซึ่งคาดว่าจะสร้างรายได้ 220 ล้านบาทในปีนี้ และสินค้า YenYen Minimal (2% Sugar) ตอบโจทย์คนที่ให้ความสำคัญเรื่องสุขภาพ คาดว่าจะสร้างรายได้ราว 30 ล้านบาทในปีนี้ นอกจากนี้จะมีการนำ ICHITAN Green Tea 500 ml กลับมาจำหน่ายอีกครั้ง ซึ่งคาดว่าจะมีกระแสตอบรับที่ดีเช่นกัน เนื่องจากมีขนาดและปริมาณที่คุ้มค่า พกพาสะดวก
สำหรับธุรกิจรับจ้างผลิต (OEM) คาดว่าจะสามารถปิดดีลเจรจากับลูกค้าได้อีก 2 รายภายในสิ้นปีนี้ ส่งผลให้ในปี 65 จะมีลูกค้า OEM ทั้งสิ้น 4 ราย และคาดว่าจะมีเข้ามาเพิ่มอีกในอนาคต ซึ่งอัตราการใช้กำลังผลิต (Utilization Rate) ของบริษัทยังคงมีเพียงพอ โดยปัจจุบันสามารถผลิตเครื่องดื่มได้มากถึง 1,500 ล้านขวดต่อปี
ด้านตลาดในประเทศอินโดนีเซีย แม้ยอดขายในช่วงครึ่งปีแรกจะได้รับผลกระทบจากโควิด-19 แต่เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจนในช่วงครึ่งปีหลัง รวมไปถึงสินค้าใหม่อย่าง Brown Sugar ก็ยังคงมีกระแสตอบรับที่ดี ด้านสินค้า Thai Milk Tea ก็ยังครองมาร์เก็ตแชร์อันดับ 1 ในตลาดของอินโดนีเซีย จึงคาดว่าในปีนี้น่าจะมีกำไรจากตลาดอินโดนีเซียราว 38 ล้านบาท
ทั้งนี้บริษัทได้ทำการซื้อสารสกัด CBD จากทาง RBF เพื่อนำมาผลิตเครื่องดื่มที่มีสารสกัด CBD จากกัญชง ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนการปลูก และคาดว่าจะสามารถผลิตเครื่องดื่มดังกล่าวออกมาได้ในช่วงต้นปี 65 ส่วนทางด้านพืชกระท่อม ทางบริษัทเองก็มีการศึกษาข้อมูลอย่างต่อเนื่องเช่นกัน แต่ยังคงต้องรอความชัดเจนของกฎหมายภาครัฐในการนำพืชกระท่อมมาแปรรูปในสินค้าเพื่อทำการจำหน่ายต่อไป