สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 27 ก.ย. 2564

สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 27 ก.ย. 2564


ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (27 ก.ย.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจ หลังมีรายงานว่าจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายวันในสหรัฐชะลอตัวลง และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐพุ่งขึ้นเกินคาดในเดือนส.ค. อย่างไรก็ดี ดัชนี Nasdaq และ S&P500 ปิดในแดนลบเนื่องจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐได้ฉุดหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีซึ่งมีความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,869.37 จุด เพิ่มขึ้น 71.37 จุด หรือ +0.21% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,443.11 จุด ลดลง 12.37 จุด หรือ -0.28% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,969.97 จุด ลดลง 77.73 จุด หรือ -0.52%

ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (27 ก.ย.) เนื่องจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวลง ซึ่งบดบังการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มพลังงาน แต่ตลาดหุ้นเยอรมนีปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 10 วัน หลังผลการเลือกตั้งได้ลดโอกาสที่จะมีการจัดตั้งรัฐบาลผสมฝ่ายซ้าย

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 462.42 จุด ลดลง 0.87 จุด หรือ -0.19%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,650.91 จุด เพิ่มขึ้น 12.45 จุด หรือ +0.19%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,573.88 จุด เพิ่มขึ้น 42.13 จุด หรือ +0.27% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,063.40 จุด เพิ่มขึ้น 11.92 จุด หรือ +0.17%

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (27 ก.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มธนาคาร ขณะที่การพุ่งขึ้นของหุ้นโรลส์-รอยซ์ช่วยหนุนตลาดบวกขึ้นด้วย

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,063.40 จุด เพิ่มขึ้น 11.92 จุด หรือ +0.17%

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 3 ปีเมื่อคืนนี้ (27 ก.ย.) ขานรับการคาดการณ์ที่ว่า ความต้องการใช้น้ำมันจะพุ่งขึ้นเนื่องจากเศรษฐกิจส่งสัญญาณฟื้นตัว ขณะที่นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐในวันพรุ่งนี้ รวมทั้งการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ในวันที่ 4 ต.ค.

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 1.47 ดอลลาร์ หรือ 2% ปิดที่ 75.45 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2561

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 1.44 ดอลลาร์ หรือ 1.80% ปิดที่ 79.53  ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2561

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเพียงเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (27 ก.ย.) เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์และการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐเป็นปัจจัยกดดันตลาด

ทั้งนี้สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 30 เซนต์ หรือ 0.02% ปิดที่ 1,752 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 26.90 เซนต์ หรือ 1.20% ปิดที่ 22.694 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 1.70 ดอลลาร์ หรือ 0.17% ปิดที่ 981.60 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 3.40 ดอลลาร์ หรือ 0.20% ปิดที่ 1,947.70 ดอลลาร์/ออนซ์

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (27 ก.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ ขณะที่นักลงทุนจับตานายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และนางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ซึ่งมีกำหนดกล่าวถ้อยแถลงต่อสภาคองเกรสในวันนี้

ทั้งนี้ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.06% แตะที่ 93.3812 เมื่อคืนนี้

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 111.01 เยน จากระดับ 110.78 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9259 ฟรังก์ จากระดับ 0.9250 ฟรังก์ แต่ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2622 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2660 ดอลลาร์แคนาดา

ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1698 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1716 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.3708 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3660 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.7286 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7256 ดอลลาร์สหรัฐ

Back to top button