SC เล็งเปิด 4 โครงการใหม่ Q4 ดันรายได้ปีนี้เข้าเป้า 1.9 หมื่นลบ.
SC เล็งเปิด 4 โครงการแนวราบ มูลค่า 5.76 พันลบ. ในไตรมาส 4/64 คาดปลายไตรมาส 3/64 ต่อเนื่องไปในไตรมาส 4/64 จะมี Backlog เข้ามาอีก 5.38 พันลบ. มั่นใจดันรายได้ปีนี้เข้าเป้า 1.90 หมื่นลบ.
นางปรารถนา แพทย์สมาน หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงิน บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC เปิดเผยว่า บริษัทฯยังมั่นใจยอดขายในปี 2564 ยังทำได้ตามเป้าที่ 2 หมื่นล้านบาท แม้ว่าในช่วงไตรมาส 3/2564 จะมีผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19 เข้ามา ทำให้การขายและการเปิดโครงการเกิดการชะลอตัวลงไปชั่วคราว แต่ปัจจุบันบริษัทฯพร้อมกลับมาเปิดโครงการใหม่อย่างต่อเนื่องแล้ว
ทั้งนี้ในช่วงเดือน ก.ย.เปิดโครงการใหม่ไปแล้ว 4 โครงการ มูลค่ารวม 5.64 พันล้านบาท เป็นแนวราบ 3 โครงการ และคอนโดมิเนียมร่วมทุนกับพันธมิตรญี่ปุ่น 1 โครงการ และไตรมาส 4/2564 เตรียมเปิดโครงการแนวราบอีก 4 โครงการ มูลค่ารวม 5.76 พันล้านบาท
อย่างไรก็ดีบริษัทฯ ยังเน้นเปิดโครงการแนวราบที่เป็นโครงการระดับบน และระดับกลาง – บน ซึ่งเป็นกลยุทธ์หลักของบริษัทฯในการขับเคลื่อนธุรกิจ จากที่มองว่าความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยแนวราบที่ยังอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง โดยเป็นปัจจัยหนุนยอดขายในช่วงครึ่งแรกของปีให้สามารถทำสถิติสูงสุดใหม่ถึง 9.39 พันล้านบาท และครึ่งปีแรกทำยอดขายแล้ว 1.20 หมื่นล้านบาท เกิน 50% ของเป้าทั้งปีไปแล้ว ขณะที่บริษัทฯ เชื่อมั่นว่าในช่วงที่เหลือของปีนี้โครงการแนวราบใหม่จะยังได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า และเข้ามาหนุนยอดขายในช่วงโค้งสุดท้ายของปีให้เป็นไปตามเป้า
ขณะเดียวกันบริษัทฯ ได้เลื่อนเปิดโครงการคอนโดมิเนียมทำเลวงเวียนใหญ่ออกไปเป็นปี 65 มูลค่าราว 3 พันล้านบาท จากแผนเดิมที่จะเปิดในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ เนื่องจากบริษัทฯ มองว่าภาวะตลาดยังไม่เอื้ออำนวยจึงเลื่อนไปเพื่ออรอภาวะตลาดที่เหมาะสมอีกครั้ง และรอแนวโน้มของลูกค้าต่างชาติที่จะเริ่มกลับเข้ามาซื้อคอนโดมิเนียมในปีหน้า ดังนั้นจะทำให้แผนเปิดโครงการคอนโดมิเนียมในปี 2565 จะเพิ่มขึ้นเป็น 3 โครงการ จากเดิมที่วางแผนไว้ในเบื้องต้น 2 โครงการ
อีกทั้งในปี 2564 บริษัทฯ ใช้งบซื้อที่ดินไปแล้วกว่า 50% ของงบทั้งหมดที่ตั้งไว้ 1 หมื่นล้านบาท เพื่อรองรับการพัฒนาโครงการแนวราบในช่วงปี 2565 – 2566 เนื่องจากบริษัทฯ ยังมองเห็นโอกาสของความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยแนวราบในช่วง 1 – 2 ข้างหน้า โดยเฉพาะจากพฤติกรรมการอยู่อาศัยของคนต้องการพื้นที่ใช้สอยเพิ่มมากขึ้น ทำให้โครงการแนวราบยังตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนในปัจจุบัน
ด้านรายได้ของบริษัทฯปีนี้ยังมั่นใจทำได้ตามเป้าหมาย 1.90 หมื่นล้านบาทเช่นกัน โดยที่รายได้จากธุรกิจขายที่อยู่อาศัยส่วนใหญ่จะเข้ามามากในช่วงปลายไตรมาส 3/2564 และไตรมาส 4/2564 จากการกลับมาเริ่มทยอยโอนโครงการให้กับลูกค้าเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมที่ลูกค้าเริ่มกลับมาซื้อในช่วงก่อนการล็อกดาวน์รอบล่าสุด แต่ยังไม่สามารถโอนได้ก็จะเริ่มกลับมาโอนอีกครั้ง รวมถึงโครงการแนวราบบางโครงการด้วย
นอกจากนี้บริษัทฯ คาดว่าจะมีการรับรู้รายได้จากมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) เข้ามาอีก 5.38 พันล้านบาทในช่วงปลายไตรมาส 3/2564 ต่อเนื่องไปในไตรมาส 4/2564 จาก Backlog ทั้งหมดที่มีอยู่ 8.55 พันล้านบาท รวมถึงการขายแนวราบเปิดใหม่ในช่วงที่เหลือของปีนี้ที่สามารถรับรู้รายได้เข้ามาบางส่วน ขณะที่แนวโน้มอัตราการปฏิเสธสินเชื่อของกลุ่มลูกค้าที่ซื้อที่อยู่อาศัยของบริษัทฯ ได้ปรับตัวลดลงเหลือ 7% จากสิ้นปีก่อนที่ 11.60% เป็นปัจจัยหนุนที่ทำให้บริษัทฯมั่นใจสามารถโอนโครงการให้กับลูกค้าได้ตามแผนที่วางไว้
สำหรับอาคารสำนักงาน 4 แห่ง พื้นที่เช่ารวม 120,000 ตารางเมตร ยังมีอัตราการเช่าในระดับสูงกว่า 92% สามารถสร้างรายได้เข้ามาเฉลี่ยต่อปีเกือบ 1 พันล้านบาท และการพัฒนาโรงแรมใหม่ 3 แห่งทำเล ราชวัตร, รัชดา และพัทยา จำนวนห้องรวม 549 ห้อง จะเริ่มมีรายได้เข้ามาเสริมจากการทยอยเปิดให้บริการในปี 2565 ต่อเนื่องถึงปี 2568