โบรกฯ แนะสะสม GULF ชูดีล SINGTEL เพิ่มศักยภาพเติบโต ฟันกำไรปี 64 แรงเท่าตัว

บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด หรือ บล.กสิกรไทย ระบุในบทวิเคราะห์เกี่ยวกับบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF ภายหลังหลังบริษัทประกาศเซ็น MOU กับ SINGTEL เพื่อพัฒนาธุรกิจ data center ในประเทศไทยโดยถือหุ้นในสัดส่วน 50/50 ว่า ถึงแม้จะยังไม่มีระยะเวลาการดำเนินการที่แน่ชัด หรือตัวเลขเงินลงทุน แต่ บล.กสิกร มองว่าประเด็นดังกล่าวเป็นอีกหนึ่งจุดสำคัญสำหรับการขยายธุรกิจในโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล หลังจาก GULF ทำเทนเดอร์บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH เสร็จสิ้นไปแล้วเมื่อเดือนสิงหาคม 2564 ทั้งนี้จากศักยภาพการขยายธุรกิจของ GULF คาดว่าน่าจะสามารถเข้าสู่ Smart Metering และ Smart Grid ได้

สำหรับส่วนที่จะมาช่วยสนับสนุนกำไรระยะสั้นของ GULF จะมาจากเงินปันผล 1.5 พันล้านบาท จากการลงทุนใน INTUCH ซึ่งคาดว่าจะสามารถรับรู้กำไรได้ในไตรมาส 3/64 (เทียบกับกำไรจากธุรกิจหลัก 1.4 พันล้านบาทในไตรมาส 2/2564 ) นอกจากนั้นแล้ว บริษัทยังเริ่มรับรู้รายได้จากการจ่ายไฟของ GSRC ยูนิตที่ 2 ซึ่งบล.กสิกรประเมินว่ากำลังการผลิตของ GULF จะสูงขึ้นแตะ 4,085MW เพิ่มขึ้น 37% เมื่อเทียบจากปีก่อน และ เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน 14% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน ทั้งนี้ บล.กสิกร แนะนำ “Outperform” หุ้น GULF ประเมินราคาเป้าหมายที่ 42.75 บาท

ส่วนบริษัทหลักทรัพย์โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) หรือ บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์ (1 ต.ค.2564) ประเมินราคาเป้าหมายปี 2565 ของ GULF ที่ 44 บาท โดยภาพการเติบโตของ GULF ยังดีทั้งในระยะยาวและระยะสั้นโดยคาดจะมีแผน COD  โรงไฟฟ้าเพิ่มอีกเท่าตัวจากปัจจุบัน 2,700MW เป็นกว่า 6,200 MW ในปี 2566 โดยคาดกำไรปี 2564 เติบโตสูง 127% เมื่อเทียบจากปีก่อนที่ 9.7 พันล้านบาท โดยปัจจัยต้องติดตามช่วงถัดไป คือ แผนกลยุทธ์ในการต่อยอดธุรกิจหลังเข้าถือ INTUCH รวม 42.25%

ขณะที่ราคาเป็นจุดทยอยสะสมต่อการลงทุนกลางยาวได้ จากกำไรเติบโตสูง โดยมี PER ปี 2565 ที่ 34 เท่า ส่วนประเด็นการลงทุนคือการเซ็น MOU กับ Singtel พัฒนาธุรกิจ Data center ในไทย รวมทั้งโรงไฟฟ้า GSRC หน่วยผลิต 2 กำลังผลิต 662.5 MW เริ่ม COD วันนี้ ยังเป็นหุ้น Big cap ที่มีการเติบโตสูง