“ภูเก็ต” แจก ATK กว่า 8 แสนชุด หวังลดภาระแพทย์ – หนุนความเชื่อมั่นขับเคลื่อนท่องเที่ยว
"ภูเก็ต" รุกแจก ATK กว่า 8 แสนชุด หวังลดภาระงานบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเร่งสร้างความมั่นใจในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจการท่องเที่ยว
พญ.พนิดา จันทรังสิกุล รองผู้อำนวยการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เขต 11 สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า การจัดสรรชุดตรวจ Antigen Test Kit (ATK) เพื่อให้ประชาชนตรวจโควิด-19 ด้วยตนเอง ช่วงแรกเขต 11 สุราษฎร์ธานี ได้รับการจัดสรรอยู่ที่ 568,175 ชุด แต่ด้วยเป็นพื้นที่เศรษฐกิจท่องเที่ยว ประกอบกับนโยบายรัฐบาลที่ต้องการเปิดการท่องเที่ยวประเทศ จึงขอรับจัดสรร ATK เพิ่มเติมเพื่อสร้างเร่งความมั่นใจ ทำให้ขณะนี้จังหวัดในพื้นที่เขต 11 ได้รับ ATK เพิ่มเติมเป็นจำนวน 800,675 ชุด ในจำนวนนี้ได้กระจายไปยังจังหวัดภูเก็ตมากที่สุด จำนวน 139,375 ชุด ด้วยเป็นพื้นที่นำร่องเปิดการท่องเที่ยวของรัฐบาลภายใต้โครงการ “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” (Phuket Sandbox)
โดยการกระจาย ATK ที่จังหวัดภูเก็ต ได้รับการตอบรับจากหน่วยงานและหน่วยบริการในพื้นที่เป็นอย่างดี ทั้งสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต (สสจ.ภูเก็ต) โรงพยาบาล ร้านยา คลินิกเวชกรรม และเพิ่มเติมคลินิกเทคนิคการแพทย์ ที่มีทัศนคติที่ดีต่อนโยบายแจก ATK นี้ เนื่องจากประชาชนสามารถตรวจหาเชื้อโควิด-19 ได้เอง ลดภาระงานบุคลากรทางการแพทย์ที่มีจำกัด เป็นส่วนที่ช่วยขับเคลื่อนการคัดกรองและควบคุมโรคโควิด-19 ในจังหวัดได้เร็ว โดยเฉพาะโรงพยาบาลป่าตองและโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ที่เป็นหน่วยบริการหลักในจังหวัด ได้เตรียมความพร้อมบุคลากรและระบบเพื่อแจก ATK
รวมถึงเตรียมติดตั้งแอปพลิเคชันเป๋าตัง แอปพลิเคชันถุงเงิน ระบบลงทะเบียนสู่ระบบการดูแลผู้ป่วยที่บ้านและในชุมชน (Home Isolation และ Community Isolation : HI/CI) ระบบยืนยันตัวตนใช้สิทธิและการเบิกจ่ายชดเชย เป็นต้น โดยทีม สปสช. เขต 11 สุราษฎร์ธานีได้ลงไปช่วยดูแลการเตรียมความพร้อมระบบด้วย ทำให้ ATK เมื่อจัดส่งถึงพื้นที่สามารถแจกให้กับประชาชนกลุ่มเป้าหมายได้อย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ที่จังหวัดภูเก็ตมีชมรมร้านยาที่เข้มเข็ง โดยขณะนี้มีร้านยาเข้าร่วมจำนวน 27 แห่งกระจายทั่วเกาะ ด้วยความสะดวกในการเข้าถึง จึงมีประชาชนไปรับ ATK ที่ร้านยาจำนวนมาก ทำให้ ATK ที่จัดสรรไปที่ร้านยาแห่งละ 625 ชุดหมดภายใน 2-3 วัน ซึ่งร้านยาได้แนะนำให้ประชาชนทราบว่าสามารถไปรับ ATK ที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) และอาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) ได้ อย่างไรก็ตาม สปสช.เขต 11 สุราษฎร์ธานีได้เตรียมจัดสรร ATK ให้กับร้านยาเพิ่มเติมแล้ว
พญ.พนิดา กล่าวอีกว่า อีกจุดสำคัญที่ทำให้จังหวัดภูเก็ตแจก ATK ได้โดยเร็ว คือการจัดระบบบริการโรคโควิด-19 ของจังหวัดที่มีความพร้อมและครบวงจร โดยมีการจัดตั้ง “คลินิกอุ่นใจ” ขึ้นที่อาคารในศาลากลางจังหวัดแห่งใหม่ที่ยังไม่เปิดทำการ ให้เป็นจุดบริการผู้ป่วยนอกโรคโควิด-19 ในรูปแบบจุดบริการเบ็ดเสร็จ (One stop service) โดย รพ.วชิระภูเก็ต เป็นหน่วยบริหารจัดการร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต พร้อมประชาสัมพันธ์ประชาชนในพื้นที่ กรณีประชาชนที่ตรวจ ATK นอกจากให้บันทึกผลในระบบเป๋าตังแล้ว ผู้ที่มีผลบวกให้เข้ารับบริการได้ที่คลินิกอุ่นใจเพื่อตรวจยืนยันการติดเชื้อโควิด-19 และนำเข้าสู่ระบบการรักษา
โดยผู้ติดเชื้อกลุ่มสีเขียวไม่มีอาการ หากเลือกเข้าสู่ระบบ Home Isolation จะมีเจ้าหน้าที่ให้คำแนะนำการปฏิบัติและดูแลตนเองที่บ้าน จ่ายยาฟาวิพิราเวียร์และเอกซเรย์ปอด พร้อมมีระบบติดตาม และในกรณีที่เข้าสู่ Community Isolation จะมีรถนำส่งผู้ติดเชื้อเข้าสู่สถานที่พักดูแล นอกจากนี้คลินิกอุ่นใจยังจัดบริการสายด่วน 20 คู่สาย คอยให้คำแนะนำและปรึกษาประชาชนกรณีโรคโควิด-19 ตลอด 24 ชั่วโมง
นอกจากนี้ ในส่วนของ รพ.ป่าตอง ได้มีการตั้งจุดบริการกรณีโควิด-19 เช่นกัน แต่เป็นการจัดพื้นที่แยกส่วนบริการภายในโรงพยาบาลเอง โดยให้บริการที่เชื่อมโยงเป็นระบบเดียวกันในจังหวัด
“ภาพรวมจังหวัดภูเก็ต ATK ที่ สปสช. จัดสรรและกระจายลงไปนั้น เป็นส่วนช่วยเติมเต็มทำให้การจัดระบบบริการโควิด-19 ครบวงจร เพราะ ATK ทำให้ประชาชนตรวจโควิด-19 ได้ด้วยตนเองและเดินเข้าสู่ระบบบริการ เป็นการคัดกรองเบื้องต้น ซึ่งหากไม่มี ATK นี้ ก็ต้องรอให้ประชาชนเดินเข้ามาตรวจที่หน่วยบริการเอง หรือต้องจัดหน่วยคัดกรองเชิงรุกซึ่งก็มีปัญหาด้านบุคลากร การแจก ATK นี้จึงเข้ามาหนุนเสริมและลดช่องว่างนี้ได้” รอง ผอ.สปสช. เขต 11 สุราษฎร์ธานี กล่าว
ทั้งนี้ ข้อมูลเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2564 เวลา 10.05 น. ทั่วประเทศมีประชาชนเข้ามารับชุดตรวจ ATK ไปแล้วทั้งสิ้น 480,514 ชุด โดยเป็นการจ่าย ATK ให้กับประชาชนรวม 235,214 ราย และได้มีการบันทึกผลการตรวจแล้ว 106,627 ราย หรือคิดเป็นร้อยละ 45 ของผู้ที่ได้รับ ATK โดยมีรายงานพบผลเป็นบวกจำนวน 1,146 ราย
ขณะที่จังหวัดภูเก็ตแจก ATK จำนวน 42,314 ชุด ให้ประชาชนจำนวน 21,157 ราย มีการบันทึกผลเข้าสู่ระบบแอปเป๋าตังจำนวน 7,772 ราย ในจำนวนนี้มีผลตรวจเป็นบวก 69 ราย และได้เข้าสู่ระบบการรักษาและติดตามแล้ว