“IMF” เล็งปรับเป้าจีดีพีโลกปีนี้ลง ต่ำกว่า 6% หลังวิตกเงินเฟ้อ-วัคซีนโควิด ไม่ทั่วถึง
"IMF" ชี้เศรษฐกิจทั่วโลก เติบโตต่ำกว่าคาด ประเทศเกิดใหม่-กำลังพัฒนา ต้องใช้เวลาฟื้นตัวอีกหลายปี เตรียมปรับลดจีดีพีโลก ต่ำกว่า 6%
ผู้สื่อข่าวรายงาน อ้างอิงสำนักข่าวต่างประเทศ ระบุว่า กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เตรียมปรับลดคาดการณ์ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในปีนี้ หลังจากก่อนหน้านี้ คาดการณ์ไว้ในเดือนก.ค.ที่ผ่านมา ว่าจะขยายตัว 6% เนื่องจากหลายประเทศกำลังเผชิญกับการระบาดของไวรัสโควิด-19 และอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โดยนางคริสตาลินา จอร์เจียวา ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เปิดเผยว่า ได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจทั่วโลกในปี 2564 ลงสู่ระดับต่ำกว่า 6% พร้อมระบุถึงความเสี่ยงเกี่ยวกับหนี้สิน, เงินเฟ้อ และทิศทางเศรษฐกิจที่ไม่สอดคล้องกัน อันเนื่องมาจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
แม้เศรษฐกิจทั่วโลกจะปรับตัวขึ้น แต่การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ยังคงเป็นปัจจัยที่จำกัดการฟื้นตัว โดยอุปสรรคใหญ่ที่ขัดขวางการเติบโตของเศรษฐกิจคือ การแบ่งปันวัคซีนครั้งใหญ่ ซึ่งเป็นสาเหตุให้มีประเทศจำนวนมาก ที่ยังไม่สามารถเข้าถึงวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19ได้
ซึ่งเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว มีแนวโน้มที่จะกลับมาขยายตัวในระดับเดียวกับช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้ภายในปี 2565 แต่เศรษฐกิจในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ และกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา อาจจำเป็นต้องใช้เวลาอีกหลายปี จึงจะฟื้นตัว อันเนื่องมาจากผลกระทบของโรคโควิด-19 ซึ่งจะทำให้ไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าได้อย่างเต็มที่
ทั้งนี้สหรัฐและจีนยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก ขณะที่อิตาลีและยุโรปเริ่มส่งสัญญาณการเติบโตที่ดีขึ้น แต่เศรษฐกิจในส่วนอื่นๆ ของโลกอ่อนแอลง แรงกดดันด้านเงินเฟ้อ ซึ่งถือเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญนั้น มีแนวโน้มที่จะบั่นทอนการเติบโตของประเทศส่วนใหญ่ในปี 2565 และยังคงส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของบางประเทศในกลุ่มตลาดเกิดใหม่และกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา พร้อมเตือนด้วยว่า การปรับขึ้นเป็นเวลานานของตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อ จะเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้อัตราดอกเบี้ยดีดตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว และจะส่งผลให้เกิดภาวะตึงตัวด้านการเงิน
อย่างไรก็ตาม IMF แนะนำให้ธนาคารกลางต่างๆทั่วโลก หลีกเลี่ยงการใช้มาตรการคุมเข้มนโยบายการเงินในเวลานี้ แต่ให้เตรียมพร้อมรับมืออย่างฉับไวหากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเกิดขึ้นรวดเร็วกว่าที่คาดไว้ หรือหากเงินเฟ้อพุ่งขึ้นอย่างรุนแรง พร้อมกันนี้ นางจอร์จีวา ยังได้เรียกร้องให้ประเทศที่ร่ำรวย ส่งมอบวัคซีน COVID-19 ให้กับประเทศยากจน รวมถึงยกเลิกข้อจำกัดทางการค้า และบริจาคเงิน 2 หมื่นล้านดอลลาร์ สำหรับใช้เป็นเงินทุนในการทดสอบเพื่อหาผู้ติดเชื้อและรักษาผู้ป่วยจากไวรัสโควิด-19 เนื่องจากอัตราการฉีดวัคซีนของกลุ่มประเทศยากจนมีเพียง 2.3% จากตัวเลข 46% ของผู้ที่ได้รับวัคซีนทั่วโลกในปัจจุบัน ซึ่งหากทุกประเทศไม่ดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ก็อาจทำให้สูญเสีย GDP สะสมทั่วโลก (cumulative global GDP) เป็นเงิน 5.3 ล้านล้านดอลลาร์ภายในระยะเวลา 5 ปี
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า IMF จะเผยแพร่การคาดการณ์เศรษฐกิจโลกหรือ World Economic Outlook ในสัปดาห์หน้า