GUNKUL ควัก 250 ลบ. ร่วมทุน “ทีเอชซีจี กรุ๊ป” 50% ลุยกัญชงครบวงจร
GUNKUL ควัก 250 ลบ. ส่งบริษัทย่อย "จี.เค.เฮมพ์ กรุ๊ป" ร่วมทุน “ทีเอชซีจี กรุ๊ป” ถือหุ้นสัดส่วน 50% เดินหน้าลุยธุรกิจกัญชง-กัญชาครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ชูธุรกิจ New S Curve มั่นใจหนุนผลงานโตแกร่ง คาดปี 65 ทยอยรับรู้รายได้จากธุรกิจกัญชงราว 1.5-2 พันลบ.
ดร.สมบูรณ์ เอื้ออัชฌาสัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL เปิดเผยว่า บริษัท จี.เค.เฮมพ์ กรุ๊ป จำกัด (GKHG) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ GUNKUL ได้ร่วมลงนามสัญญาการร่วมทุน (Joint Venture Agreement:JVA) กับบริษัท ทีเอชซีจี โฮลดิ้ง จำกัด (THCH) โดยเข้าซื้อหุ้นสามัญร้อยละ 50 และเข้าเพิ่มทุนประเภทหุ้นบุริมสิทธิของ THCG มูลค่าการลงทุนรวมไม่เกิน 250 ล้านบาท
สำหรับวัตถุประสงค์ของการร่วมทุนในครั้งนี้ เพื่อการลงทุนในกิจการที่เกี่ยวกับกัญชงและกัญชา โดยเป็นการดำเนินธุรกิจการปลูก จำหน่ายกัญชง และกัญชา รวมถึงการผลิต และจำหน่ายสินค้าที่ได้จากกัญชง และกัญชา เป็นการส่งเสริมการเติบโตให้กับบริษัทฯ ทั้งในด้านสินทรัพย์และผลประกอบการ เนื่องจากธุรกิจดังกล่าวถือเป็น New S Curve ที่บริษัทฯ มีความตั้งใจที่จะร่วมมือกับพันธมิตร เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านธุรกิจตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ
โดยบริษัท THCG มีประสบการณ์และมีความเชี่ยวชาญด้านการทำธุรกิจกัญชามาตั้งแต่เริ่มมีการให้ทดลองปลูกตั้งแต่ปี 2563 โดยมีวิสาหกิจชุมชนและหน่วยงานภาครัฐ ที่อยู่ภายใต้ความร่วมมือหลายแห่งได้แก่ วิสาหกิจชุมชนทุ่งแพม วิสาหกิจชุมชนทุ่งนางแล วิสาหกิจชุมชนเขาค้อ มหาวิทยาลัยเทคโนโนยีราชมงคลล้านนา กรมการแพทย์แผนไทย ฯลฯ ซึ่ง GUNKUL มองเห็นโอกาสในการลงทุนครั้งนี้ที่จะได้ขยายไปทำธุรกิจกัญชา ซึ่งมีการควบคุมเข้มงวดกว่ากัญชง อีกทั้ง THCG ยังมีสัญญาซื้อขายช่อดอกแห้ง กับองค์การเภสัชกรรม อีกด้วย ซึ่งมีเพียงไม่กี่รายในประเทศไทย ที่จะได้รับการยอมรับตามมาตรฐานนี้
ทั้งนี้ปัจจุบัน THCG ได้รับใบอนุญาตในการปลูก จำหน่าย และครอบครอง เรียบร้อยแล้วทั้งหมด โดยมีการปลูกไปแล้วในส่วนของกัญชงเพื่อเอาเมล็ด (Hemp seed) และปลูกกัญชงเพื่อเอาช่อดอก ซึ่งจะทำให้ GUNKUL สามารถนำช่อดอกที่ได้เริ่มปลูกไปแล้วนำมาสกัดในโรงสกัดของ GUNKUL ทันทีหลังจากเครื่องสกัดติดตั้งแล้วเสร็จและได้ใบอนุญาต ในส่วนของปลายน้ำนั้น THCG ยังได้มีการวิจัยและทำผลิตภัณฑ์หลายชนิดที่อยู่ระหว่างการขออนุญาตจาก อย. และผลิตภัณฑ์ที่สามารถจำหน่ายได้แล้วคือ Happy Gummy ซึ่งในการลงทุนครั้งนี้จะทำให้ GUNKUL สามารถเริ่มรับรู้รายได้ในปี 64 นี้ทันที และจะช่วยสร้างขีดความสามารถในการทำธุรกิจกัญชงกัญชาอย่างครบวงจรในอนาคตต่อไป
“การลงทุนร่วมกับ THCG ในครั้งนี้ ถือว่าเป็นบิ๊กดีลทางธุรกิจในการร่วมผนึกกำลังครั้งสำคัญของทั้ง 2 บริษัท เพื่อสร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้แก่อุตสาหกรรมกัญชง-กัญชา ซึ่งบริษัทฯ เห็นถึงศักยภาพของ THCG ที่มีความพร้อมในการเป็นผู้นำด้านธุรกิจกัญชา กัญชงแบบครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ โดยมีโครงการที่มีใบอนุญาตและดำเนินการอยู่ได้แก่ โครงการแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน โครงการเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ และโครงการหล่มเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งสอดคล้องกับนโนบายการเข้ามาร่วมลงทุนของ GUNKUL อย่างมาก
โดยเห็นว่าโครงการฯ ดังกล่าวสามารถสร้างผลตอบแทน สร้างมูลค่าเพิ่ม และสร้างอัตราการเติบโตของสินทรัพย์และผลกำไรให้กับบริษัทฯ และผู้ถือหุ้นได้อย่างต่อเนื่องจากปัจจัยดังกล่าว จึงทำให้ตัดสินใจเข้าร่วมลงทุน เพราะมองเห็นถึง Synergy ความสำเร็จแบบเดียวกัน ”ดร.สมบูรณ์กล่าวในที่สุด
ส่วนแผนโครงการกัญชงของ GUNKUL เองนั้น ได้เตรียมงบลงทุนในธุรกิจกัญชงไว้ประมาณ 2,000 ล้านบาท แบ่งลงทุนปี 2564-2565 เป็นงบลงทุนโรงเรือน 1,400 ล้านบาท,ลงทุนโรงสกัด 500 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายอื่นๆ 100 ล้านบาท โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการซึ่งเป็นไปตามแผนที่วางไว้
ส่วนโรงงานสกัดกัญชาและกัญชง คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในปี 2564 นี้ โดยกำลังการผลิตช่วงแรกจะอยู่ที่ 100-200 กิโลกรัมดอกแห้งต่อวัน และตั้งเป้าเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 1,100 กิโลกรัมต่อวันในครึ่งหลังปี 2565 ซึ่งในปี 2565 บริษัทฯ จะทยอยรับรู้รายได้จากธุรกิจกัญชงประมาณ 1,500-2,000 ล้านบาท และปี 2566 รับรู้รายได้เต็มปี ซึ่งหากรวมธุรกิจของ THCG เข้าไปด้วยจะทำให้ กลุ่มธุรกิจกัญชงกัญชาของ GUNKUL มีสัดส่วนรายได้และกำไรเพิ่มจากธุรกิจเดิมอย่างมีนัยสำคัญ