สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 11 ต.ค. 2564
สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 11 ต.ค. 2564
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (11 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่าการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันอาจส่งผลกระทบต่อรายได้ของบริษัทเอกชนและการใช้จ่ายของผู้บริโภค นอกจากนี้ นักลงทุนยังชะลอการซื้อขายก่อนที่ธนาคารรายใหญ่ของสหรัฐจะเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงเจพีมอร์แกน เชส
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,496.06 จุด ลดลง 250.19 จุด หรือ -0.72% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,361.19 จุด ลดลง 30.15 จุด หรือ -0.69% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,486.20 จุด ลดลง 93.34 จุด หรือ -0.64%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (11 ต.ค.) โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ที่ปรับตัวขึ้น หลังจากตลาดลดลงในช่วงเช้าจากความวิตกเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อและการเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3 ของบริษัทจดทะเบียน
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 457.53 จุด เพิ่มขึ้น 0.24 จุด หรือ +0.05%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,570.54 จุด เพิ่มขึ้น 10.55 จุด หรือ +0.16%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,199.14 จุด ลดลง 6.99 จุด หรือ -0.05% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,146.85 จุด เพิ่มขึ้น 51.30 จุด หรือ +0.72%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (11 ต.ค.) โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มเหมืองแร่ แต่เงินปอนด์ที่แข็งค่าขึ้น และการคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้สกัดกั้นการปรับตัวขึ้นของตลาด
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,146.85 จุด เพิ่มขึ้น 51.30 จุด หรือ +0.72%
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (11 ต.ค.) โดยได้แรงหนุนจากความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลกที่สูงขึ้นหลังจากเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นอกจากนี้ ภาวะอุปทานตึงตัวที่เกิดขึ้นในหลายประเทศรวมทั้งจีนและอินเดีย ยังเป็นอีกปัจจัยที่หนุนราคาน้ำมันพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 1.17 ดอลลาร์ หรือ 1.5% ปิดที่ 80.52 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 1.26 ดอลลาร์ หรือ 1.5% ปิดที่ 83.65 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2563
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (11 ต.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ รวมทั้งกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะไม่เลื่อนแผนการปรับลดวงเงินในโครงการซื้อสินทรัพย์ตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) แม้ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐขยายตัวต่ำกว่าคาดในเดือนก.ย.
ทั้งนี้สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 1.70 ดอลลาร์ หรือ 0.10% ปิดที่ 1,755.7 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 4 เซนต์ หรือ 0.18% ปิดที่ 22.665 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 21.30 ดอลลาร์ หรือ 2.07% ปิดที่ 1,006.90 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 46.50 ดอลลาร์ หรือ 2.20% ปิดที่ 2,119.50 ดอลลาร์/ออนซ์
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบสกุลเงินหลัก ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (11 ต.ค.) ขานรับกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะประกาศลดวงเงินในโครงการซื้อสินทรัพย์ตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในเดือนหน้า แม้ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐขยายตัวต่ำกว่าคาดก็ตาม
ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.26% แตะที่ 94.3165 เมื่อคืนนี้
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 113.32 เยน จากระดับ 112.19 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9272 ฟรังก์ จากระดับ 0.9264 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2479 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2459 ดอลลาร์แคนาดา
ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1560 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1576 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.3609 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3620 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 0.7353 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7312 ดอลลาร์