สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 14 ต.ค. 2564
สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 14 ต.ค. 2564
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 500 จุดเมื่อคืนนี้ (14 ต.ค.) ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของธนาคารรายใหญ่ ซึ่งรวมถึงแบงก์ ออฟ อเมริกา นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานของสหรัฐที่ลดลงอย่างมากในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,912.56 จุด เพิ่มขึ้น 534.75 จุด หรือ +1.56% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,438.26 จุด เพิ่มขึ้น 74.46 จุด หรือ +1.71% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,823.43 จุด เพิ่มขึ้น 251.79 จุด หรือ +1.73%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (14 ต.ค.) แตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 สัปดาห์ เนื่องจากนักลงทุนคาดว่าเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องหลังจากทรุดตัวจากผลกระทบของโรคโควิด-19 นั้น จะช่วยหนุนผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน แม้มีสัญญาณเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นก็ตาม
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 465.92 จุด เพิ่มขึ้น 5.53 จุด หรือ +1.20%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,685.21 จุด เพิ่มขึ้น 87.83 จุด หรือ +1.33%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,462.72 จุด เพิ่มขึ้น 213.34 จุด หรือ +1.40% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,207.71 จุด เพิ่มขึ้น 65.89 จุด หรือ +0.92%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (14 ต.ค.) ที่ระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือน โดยได้แรงหนุนจากกหุ้นกลุ่มน้ำมันและเหมืองแร่ที่ปรับตัวขึ้นตามราคาน้ำมันและโลหะ และการเปิดเผยแนวโน้มผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียนช่วยหนุนตลาดด้วย
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,207.71 จุด เพิ่มขึ้น 65.89 จุด หรือ +0.92%
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (14 ต.ค.) ขานรับข่าวซาอุดีอาระเบียปฏิเสธข้อเรียกร้องจากสหรัฐที่ต้องการให้กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส เพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันอีกเพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของราคาพลังงาน
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 87 เซนต์ หรือ 1.10% ปิดที่ 81.31 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดในรอบ 7 ปี
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 82 เซนต์ หรือ 1% ปิดที่ 84 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2561
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (14 ต.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ และการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ
ทั้งนี้สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 3.20 ดอลลาร์ หรือ 0.18% ปิดที่ 1,797.90 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 30.70 เซนต์ หรือ 1.32% ปิดที่ 23.477 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 28.10 ดอลลาร์ หรือ 2.74% ปิดที่ 1,052.30 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. พุ่งขึ้น 44.80 ดอลลาร์ หรือ 2.10% ปิดที่ 2,150.90 ดอลลาร์/ออนซ์
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (14 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนลดการถือครองดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัย และเข้าซื้อสกุลเงินที่เป็นสินทรัพย์เสี่ยงและให้ผลตอบแทนสูงกว่า เช่นยูโรและปอนด์ นอกจากนี้ การร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐยังเป็นปัจจัยกดดันสกุลเงินดอลลาร์
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.14% แตะที่ 93.9578 เมื่อคืนนี้
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9233 ฟรังก์ จากระดับ 0.9241 ฟรังก์ และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2368 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2436 ดอลลาร์แคนดา แต่ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 113.66 เยน จากระดับ 113.36 เยน
ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1599 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1588 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.3686 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3641 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.7417 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7374 ดอลลาร์