สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 22 ต.ค. 2564
สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 22 ต.ค. 2564
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อวันศุกร์ (22 ต.ค.) และปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 16 ส.ค. หลังจากที่การซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวน ขณะที่ดัชนี S&P500 และดัชนี Nasdaq ปิดลดลง โดยถูกกดดันจากการเปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวังของบริษัทสแนป และบริษัทอินเทล กรุ๊ป ซึ่งกดดันหุ้นกลุ่มสื่อสาร และกลุ่มเทคโนโลยี นอกจากนี้ นักลงทุนได้เริ่มวิตกกังวลอีกครั้ง หลังจากที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่า เฟดได้หารือที่จะเริ่มปรับลดการซื้อสินทรัพย์ตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,677.02 จุด เพิ่มขึ้น 73.94 จุด หรือ +0.21%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,544.90 จุด ลดลง 4.88 จุด หรือ -0.11% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,090.20 จุด ลดลง 125.50 หรือ -0.82%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อวันศุกร์ (22 ต.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี, การเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทลอรีอัล และความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นหลังไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ปสร้างความประหลาดใจให้กับตลาดด้วยการส่งมอบเงินเพื่อจ่ายดอกเบี้ยหุ้นกู้
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 471.88 จุด เพิ่มขึ้น 2.17 จุด หรือ +0.46%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,733.69 จุด เพิ่มขึ้น 47.52 จุด หรือ +0.71%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,542.98 จุด เพิ่มขึ้น 70.42 จุด หรือ +0.46% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,204.55 จุด เพิ่มขึ้น 14.25 จุด หรือ +0.20%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อวันศุกร์ (22 ต.ค.) โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเหมืองแร่และกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค ขณะที่ผลสำรวจบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจอังกฤษปรับตัวขึ้นเกินคาดในเดือนต.ค. แม้ต้นทุนพุ่งขึ้น และปัญหาขาดแคลนอุปทานรุนแรงขึ้นก็ตาม
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,204.55 จุด เพิ่มขึ้น 14.25 จุด หรือ +0.20% แต่ปรับตัวลง 0.4% ในสัปดาห์นี้
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อวันศุกร์ (22 ต.ค.) และปรับตัวขึ้นในรอบสัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์ที่ 9 ติดต่อกัน โดยได้แรงหนุนจากภาวะปริมาณน้ำมันที่ตึงตัวอย่างต่อเนื่อง, การผ่อนคลายข้อจำกัดด้านการเดินทาง, การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐที่ฟื้นตัวอย่างเชื่องช้า และการคาดการณ์อุปสงค์พลังงานที่จะเพิ่มขึ้นในช่วงวันหยุด
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 1.26 ดอลลาร์ หรือ 1.5% ปิดที่ 83.76 ดอลลาร์/บาร์เรล และปรับตัวขึ้น 2.5% ในรอบสัปดาห์นี้
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 92 เซนต์ หรือ 1.1% ปิดที่ 85.53 ดอลลาร์/บาร์เรล และปรับตัวขึ้น 0.8% ในรอบสัปดาห์นี้
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อวันศุกร์ (22 ต.ค.) โดยนักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัยท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อ
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 14.4 ดอลลาร์ หรือ 0.81% ปิดที่ระดับ 1,796.3 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 27.9 เซนต์ หรือ 1.15% ปิดที่ 24.449 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 2.4 ดอลลาร์ หรือ 0.23% ปิดที่ 1,052.1 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 17.50 ดอลลาร์ หรือ 0.87% ปิดที่ 2,035.60 ดอลลาร์/ออนซ์
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ (22 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขายดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัย หลังจากการเปิดเผยข้อมูลกิจกรรมทางธุรกิจของสหรัฐที่ขยายตัวในเดือนต.ค.
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.13% แตะที่ 93.6449 เมื่อคืนนี้
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 113.43 เยน จากระดับ 113.94 เยน และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9162 ฟรังก์ จากระดับ 0.9184 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2366 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2378 ดอลลาร์แคนาดา
ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1636 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1624 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.3755 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3784 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียทรงตัวที่ระดับ 0.7465 ดอลลาร์สหรัฐ