คัด 23 หุ้น “ต่ำสิบ” พื้นฐานดีราคาถูก เน้น P/E-P/BV ต่ำ! ดาวเด่น SIRI, TTB

คัด 23 หุ้น “ต่ำสิบ” พื้นฐานดีราคาถูก เน้น P/E-P/BV ต่ำ! ดาวเด่น SIRI,TTB กำไรโตดี


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจและรวบรวมบริษัทจดทะเบียน (บจ.) กลุ่ม SET ที่มีพื้นฐานแข็งแกร่งมานำเสนอ โดยอิงข้อมูลราคาหุ้นตั้งแต่ต้นปี 2564-วันที่ 21 ต.ค.2564 และคัดเลือกหุ้นจาก 1.ราคาต่ำกว่า 10 บาท, 2.หุ้นต่ำกว่ามูลค่าหุ้นทางบัญชีต่อหุ้น (บุ๊กแวลู),3. P/BV (Price to book value) ต่ำกว่า 1 เท่า,4.อัตราส่วนราคาปิดต่อกำไรต่อหุ้น (P/E Ratio) ที่ต่ำกว่าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) อยู่ที่ 20.99 เท่า (ณ 21 ต.ค.64) และ 5.มีอัตราการจ่ายเงินปันผลเด่น และ 6.มีแนวโน้มธุรกิจเติบโตแกร่งในปีนี้และในอนาคต มานำเสนอเพื่อประกอบการในการพิจารณาลงทุน

โดยกลุ่มหุ้นที่เข้าเกณฑ์ดังกล่าวมีทั้งหมด 23 ตัว โดยเรียงลำดับข้อมูลจาก P/BVต่ำสุด ประกอบด้วย SIRI, TTB, SYNTEC, ESTAR, SAMCO, LPN, PRIN, ML, RICHY, TPIPL, SC, NCH, LHFG, CTW, TK, SENA, SVOA, AP, TSE, SUSCO, QH, ROJNA และ LHK ดังตาราประกอบ

สำหรับบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เป็นหุ้นที่อัตราส่วนราคาปิดต่อกำไรต่อหุ้น P/E อยู่ที่ 7.94 เท่า ต่ำกว่า P/E ตลาดฯอยู่ที่ 20.99 เท่า (ณ 21 ต.ค.64) และ P/BV อยู่ที่ 0.50 เท่า และราคาหุ้นอยู่ที่ 1.28 บาท (ณ 21 ต.ค.64) ซึ่งต่ำกว่ามูลค่าหุ้นตามบัญชีต่อหุ้นอยู่ที่ 2.57 บาท ขณะเดียวกันด้วยพื้นฐานที่แข็งแกร่งและมีกำไรต่อเนื่อง บวกกับแผนธุรกิจที่โดดเด่นทั้งธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และการรุกลงทุนในโทเคนดิจิทัล คาดเป็นหุ้นที่น่าสนใจและน่าจับผลงานในปีนี้และอนาคตไม่น้อย

ขณะที่นายอาณัติ กิตติกุลเมธี รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายพัฒนาโครงการแนวราบ SIRI เปิดเผยว่า ยอดขาย (Presale) ของสินค้าในกลุ่มบ้านเดี่ยวและมิกซ์โปรดักส์ในปี 2564 น่าจะทำได้เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ 16,600 ล้านบาท ซึ่งล่าสุดบริษัทมียอดขายจากสินค้าในกลุ่มบ้านเดี่ยวและมิกซ์โปรดักส์แล้วกว่า 16,200 ล้านบาท คิดเป็น 98% ของเป้าหมายทั้งปี

“เราเป็นผู้นำตลาดบ้านเดี่ยวระดับบน ได้รับการตอบรับที่ดีในแบรนด์บ้านเดี่ยวเศรษฐสิริ และบุราสิริ ระดับราคา 8–20 ล้านบาท ซึ่งสร้างยอดขายที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด (ภายในปี 2564) มียอดขายจากทั้ง 2 แบรนด์ แล้ว 8,400 ล้านบาท จาก 18 โครงการ จำนวน 646 ยูนิต และสามารถปิดการขาย (Sold Out) ได้ 3 โครงการรวด ทั้งนี้ บริษัทยังคงมุ่งมั่นพัฒนาโครงการในทุกเซกเมนต์ ผ่านงานดีไซน์และฟังก์ชันที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง” นายอาณัติ กล่าว

ล่าสุดเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2564 บริษัทได้มาซึ่งสินทรัพย์ดิจิทัล โดยการเข้าลงทุนในโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนสิริฮับ A ออกโดยบริษัท เอสพีวี 77 จำกัด ซึ่งอ้างอิงกระแสรายรับจากอสังหาริมทรัพย์ (Asset-backed) ได้แก่ กลุ่มอาคารสำนักงาน สิริ แคมปัส ซึ่งเป็นอสังหาริมทรัพย์อ้างอิงในการระดมทุนนี้ โดยบริษัทเข้าลงทุนเป็นจำนวน 20 ล้านโทเคน ในราคาเสนอขาย 10 บาทต่อ 1 โทเคน รวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 200 ล้านบาท ซึ่งมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อรับผลตอบแทนจากการถือ หรือการครอบครองโทเคนดิจิทัล

โดยเสนอขายโทเคนดิจิทัลในตลาดแรกผ่านบริษัท เอ็กซ์สปริง ดิจิทัล จำกัด ซึ่งเป็นผู้ให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัล (ICO Portal) และเข้าจดทะเบียนซื้อขายในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลกับบริษัท อีอาร์ เอ็กซ์ จำกัด ซึ่งได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจเป็นศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลจากกระทรวงการคลัง ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)

สำหรับการลงทุนในโทเคนดิจิทัล สิริฮับ A จะทำให้บริษัทมีสิทธิได้รับผลตอบแทนส่วนแบ่งรายได้รายไตรมาส ในอัตราส่วนแบ่งรายได้ต่อมูลค่าการเสนอขายโทเคนดิจิทัลสิริฮับ A ไม่เกิน 4.50% ต่อปี, 2.ส่วนแบ่งรายได้จากการจำหน่ายอาคารสิริแคมปัสก่อนผู้ถือโทเคนดิจิทัล สิริฮับ B โดยผู้ถือโทเคนดิจิทัล สิริฮับ A จะได้รับรายรับสุทธิจากการจำหน่าย เป็นจำนวนเงินไม่เกิน 1,600 ล้านบาทแรก (ตามมูลค่าโทเคนดิจิทัล สิริฮับ A ที่ออกทั้งหมด) จนครบถ้วนก่อน ผู้ถือโทเคนดิจิทัล สิริฮับ B จึงจะได้รับส่วนที่เกินกว่าจำนวนดังกล่าว

ส่วนธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TTB มีอัตราส่วนราคาปิดต่อกำไรต่อหุ้น P/E อยู่ที่ 13.36 เท่า และ P/BVอยู่ที่ 0.53 เท่า และราคาหุ้นอยู่ที่ 1.13 บาท (ณ 21 ต.ค.64) ซึ่งต่ำกว่ามูลค่าหุ้นตามบัญชีต่อหุ้นอยู่ที่ 2.13 บาท อีกทั้งพื้นฐานแข็งแกร่งและมีกำไรเติบโตเด่น

โดยล่าสุด TTB เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 3/2564 มีกำไรสุทธิ 2,359 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 740 ล้านบาท เปลี่ยนแปลงบวก 45.70% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,619 ล้านบาท ส่งผลให้ผลประกอบการงวด 9 เดือนแรกของปีนี้มีกำไรสุทธิ 7,675 ล้านบาท

ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอยู่ที่ 7,268 ล้านบาท ลดลงมาที่ 2.2% สำหรับค่าใช้จ่ายการตั้งสำรองฯ อยู่ที่ 5,527 ล้านบาท ยังคงเป็นระดับที่สูงกว่าช่วงเศรษฐกิจปกติ แต่ลดลง 19.5% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/2563 ที่ธนาคารได้วางแผนตั้งสำรองฯ ล่วงหน้าเป็นจำนวน 6,863 ล้านบาท จึงเป็นที่มาของกำไรสุทธิที่ปรับตัวดีขึ้นจากปีที่แล้ว

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ระบุว่า TTB รายงานกำไรสุทธิที่ 2,359 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46% ดีกว่าที่ตลาดคาด ถึง 16% และคาดว่าผลประกอบการใน ไตรมาส 4/2564 จะอยู่ในแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 4/2563 และทรงตัวจากไตรมาส 3/2564 โดยคาดสินเชื่อไตรมาส 4 นี้เพิ่มขึ้นเล็กน้อย รวมทั้งรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยดีขึ้นจากการคลายล็อกดาวน์

นอกจากนี้หากสังเกตหุ้นที่คัดเลือกดังกล่าวยังพบว่ามีหุ้นอสังหาริมทรัพย์เข้ามาติดโผเป็นส่วนใหญ่ อาทิ SIRI,ESTAR,SAMCO,LPN, PRIN, RICHY,SC,NCH,SENA,AP และ QH คาดเป็นเป็นข้อมูลให้นักลงทุนพิจารณาลงทุนในช่วงนี้ เนื่องจากหุ้นกลุ่มอสังหาฯได้ประโยชน์จากแบงก์ชาติผ่อนปรนมาตรการ LTV เป็นการชั่วคราวช่วยกระตุ้นดีมานด์จนถึงสิ้นปี 2565

บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ว่า(25 ต.ค.64) ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ประกาศผ่อนคลายเกณฑ์ LTV ให้กับให้ผู้ซื้อบ้านหลังแรกที่ราคามากกว่า 10 ล้านบาทและผู้ซื้อบ้านหลังที่ 2 ที่ราคาไม่เกิน 10 ล้านบาทสามารถกู้ได้ 100% ของราคาบ้าน (LTV100%) จากเดิมกู้ได้ 70-90% หรือจะต้องวางเงินดาวน์ มาตรการนี้คาดว่าจะช่วยเพิ่มกำลังซื้อให้กับภาคอสังหาฯ เป็นบวกต่อผู้ประกอบการที่มีโครงการเปิดขายและมีบ้านรอขายจำนวนมากเลือก AP เป็น Top pick ของกลุ่ม

*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆการตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน

Back to top button