ลุ้น JP เทรดวันแรกวิ่งเป้า 10.70 บ. โบรกฯ การันตีกำไรแกร่ง ลุ้น 3 ปีโตเฉลี่ยเท่าตัว
ลุ้น JP ลงสนามเทรดวันแรกวิ่งเป้า 10.70 บ. จากราคา IPO ที่ระดับ 7 บ. โบรกฯ การันตีพื้นฐานแกร่ง ลุ้นกำไร 3 ปีโตเฉลี่ยเท่าตัว รับรายได้จากการผลิต-จำหน่ายยาเพิ่มขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท โรงงานเภสัชอุตสาหกรรม เจเอสพี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ JP ผู้พัฒนา ผลิตและจําหน่ายยาแผนปัจจุบัน ยาแผนโบราณ ผลิตภัณฑ์สมุนไพร ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแบบครบวงจร ภายใต้เครื่องหมายการค้าของลูกค้า และเครื่องหมายการค้าของบริษัท เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) วันนี้ (2 พ.ย.2564) เป็นวันแรก
โดย JP มีทุนชำระแล้ว 227.50 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 340 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 115 ล้านหุ้น เสนอขายต่อบุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์และผู้ลงทุนสถาบัน จำนวนไม่เกิน 113.75 ล้านหุ้น และกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัท จำนวนไม่เกิน 1.25 ล้านหุ้น เมื่อวันที่ 21, 25-26 ตุลาคม 2564 ในราคาหุ้นละ 7 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 805 ล้านบาท และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 3,185 ล้านบาท
ทั้งนี้ การกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E ratio) ที่ 100 เท่า โดยคำนวณจากผลประกอบการของบริษัทในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา (1 กรกฎาคม 2563 – 30 มิถุนายน 2564) ซึ่งเท่ากับ 31.85 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ (fully diluted) คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.07 บาท โดยมีบริษัท ฟินเน็กซ์ แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด และบริษัท สยาม อัลฟา แคปปิตอล จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และมีบริษัทหลักทรัพย์ เอเอสแอล จำกัด เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
ด้าน ดร. สิทธิชัย แดงประเสริฐ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JP เปิดเผยว่า กลุ่มครอบครัวมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในธุรกิจยาและสมุนไพรมากว่า 67 ปี จนถึงปัจจุบันเป็นผู้บริหารรุ่นที่ 3 บริษัทมุ่งมั่นเป็นบริษัทชั้นนำด้านการวิจัย ผลิต และจัดจำหน่ายยา เวชภัณฑ์ และอาหารเสริม ทั้งนี้ บริษัทมีแผนจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนเพื่อใช้เป็นแหล่งเงินทุนในโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ พัฒนาและประชาสัมพันธ์ตราสินค้าของบริษัท (Own Brand) ปรับปรุงและขยายโรงงานทั้งที่กรุงเทพและลำพูน ชำระคืนเงินกู้สถาบันการเงิน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
ทั้งนี้ JP มีผู้ถือหุ้นหลัง IPO 2 อันดับแรก ได้แก่ กลุ่มครอบครัวแดงประเสริฐถือหุ้น 70.33% กองทรัสต์เพื่อกิจการเงินร่วมลงทุนสำหรับธุรกิจเอสเอ็มอีก้าวไกลไปด้วยกัน 4.18% บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิหลังหักเงินสำรองต่างๆ ตามกฎหมายและข้อบังคับบริษัท
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ เอเอสแอล จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์เกี่ยวกับหุ้น JP ว่า จุดเด่นที่ JP มีความน่าสนใจคือการที่บริษัทสามารถขึ้นทะเบียนยาแผนปัจจุบันได้ ถือเป็น One stop service ที่ให้ทั้ง การวิจัย พัฒนาผลิตภัณฑ์ การผลิตและบรรจุหีบห่อ รวมถึงการขึ้นทะเบียนยา ประกอบกับในอนาคตอันใกล้จะมีแผนพัฒนาและแปรรูปพืชไข่น้าเพื่อการผลิตเชิงพาณิชย์ การพัฒนาและขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์ใหม่ประเภทยาแผนปัจจุบันแบบเปลือกซอฟต์เจลาติน รวมถึง Key highlight อย่าง โครงการพัฒนายาสมุนไพรจากพืชกัญชงและกัญชาที่จะสร้าง Value added แก่ธุรกิจได้ในอนาคต
ทั้งนี้คาดการณ์กำไรสุทธิปี 2564 – 2566 เท่ากับ 49 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 368% เมื่อเทียบจากปีก่อน และ 149 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 205% เมื่อเทียบจากปีก่อน และ 198 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33% เมื่อเทียบจากปีก่อน ตามลำดับ คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ย 3 ปี แบบ CAGR ที่ 101% จากการปรับ Product mix เน้นในสินค้า Own Brand มากขึ้น เนื่องจากมี GPM ที่ค่อนข้างสูง ขณะที่ประเมินมูลค่าที่เหมาะสมสิ้นปี 2565 เท่ากับ 10.70 บาท อิง PEG ที่ 0.16 เท่า
ส่วนบริษัทหลักทรัพย์ บียอน จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ปี 2565 คาด JP มีกาไรสุทธิ 81 ล้านบาท โต 118% เมื่อเทียบจากปีก่อน ด้วยแรงหนุนจากภาวะเศรษฐกิจไทยที่คาดว่าจะฟื้นตัวจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ทั้งนี้คาดศักยภาพทากำไรจะสูงขึ้นจากผลประหยัดต่อขนาดที่มากขึ้นตามการใช้กำลังผลิตที่สูงขึ้นจากเดิม
อย่างไรก็ดีหากสถานการณ์การติดเชื้อกลับมารุนแรงขึ้นอีกครั้ง บริษัทจะยังคงความสามารถในการรักษากำไร และรายได้เนื่องจากทางบริษัทผลิตและจำหน่ายยา อาทิเช่น ฟ้าทะลายโจร ยาเสริมภูมิคุ้มกัน เบต้ากลูแคนที่เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่ผู้บริโภคมีความต้องการมากในช่วงของการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
ส่วนปี 2564 คาดกำไรโต 20% เมื่อเทียบจากปีก่อน จากแผนการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ Own Brand พืชไข่น้ำที่จะเริ่มมีการวางจำหน่ายในช่วงไตรมาส 4/2564 ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่สนใจผลิตภัณฑ์โปรตีนจากพืช ประกอบกับบริษัทมีแผนการรุกตลาดการจัดจำหน่าย Online และ TV Shopping มากขึ้นซึ่งจะช่วยเพิ่มคุณค่าให้กับแบรนด์พร้อมกับขยายฐานลูกค้าส่งเสริมศักยภาพการเติบโตระยะยาวของ JP ให้โดดเด่นขึ้นกว่าเดิม
ทั้งนี้จากพื้นฐานที่แข็งแกร่งของ JP ด้วยการเป็นผู้นำในด้านวิจัยการผลิตและพัฒนาสูตรยาและอาหารเสริม บวกกับศักยภาพการเติบโตที่มีแนวโน้มสดใสขึ้น หลังการวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ใหม่ (Own Brand) ของทางบริษัทตั้งแต่ช่วงไตรมาส 4/2564 เป็นต้นไป จึงประเมินมูลค่าพื้นฐานปี 2565 ของ JP ที่ 10.20 บาท โดยอิงวิธี Fwd PER ที่ 57 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ย Trailing PE ของบริษัทเทียบเคียง และคิดเป็น PEG เพียง 0.22 เท่า