“ฟินันเซีย” ชู JMT ท็อปพิคกลุ่มการเงิน กำไรทะยาน “นิวไฮ” ต่อเนื่อง ชูเป้า 57 บ.

“บล.ฟินันเซีย ไซรัส” แนะนำ “ซื้อ” หุ้น JMT ราคาเป้าหมาย 57 บาท มองกำไรเติบโตทำลายสถิติเดิมอย่างต่อเนื่อง พร้อมมองว่าวันขึ้น XR ราคาหุ้นจะปรับตัวลดลงแค่เล็กน้อย


บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ ประเมินเกี่ยวกับบริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT โดยคาดว่าในไตรมาส 3/64 จะรายงาน 3 ตัวเลขสูงสุดเป็นประวัติการณ์ประกอบด้วย 1) กำไรสุทธิ 2) การเรียกเก็บเงิน (CC) และ 3) การซื้อหนี้ด้อยคุณภาพ (NPL)

โดยคาดว่ากำไรสุทธิจะอยู่ที่ 340 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 20% จากปีก่อน, เพิ่มขึ้น 18% จากไตรมาสก่อน) จาก 2 ปัจจัยผลักดัน 1) รายได้จากการบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพจะโตดีในท่ามกลางมาตรการปิดเมือง JMT รายงาน CC ในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อนที่ 1.01 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น 3% จากปีก่อน, +5% จากไตรมาสก่อน) จากทั้งพอร์ตที่มีการตัดจำหน่ายเต็มจำนวนและ IRR

และ 2) JMT สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (OPEX) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งทำให้คาดว่าอัตราค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่อรายได้รวม (Cost-to-Income) จะลดลงเหลือ 41% ในด้านการซื้อ NPL คาดว่า JMT จะซื้อ NPL เป็นจำนวนมากถึง 1.5 พันล้านบาท ซึ่งจะทำให้ตัวเลขการซื้อตั้งแต่ต้นปีสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 4.8 พันล้านบาท

พร้อมกันนี้ คาดว่า JMT จะทำลายสถิติเดิมอีกครั้งในไตรมาส 4/64 โดยคาดกำไรสุทธิในขั้นต้นไว้ที่ประมาณ 400 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 23% จากปีก่อน, เพิ่มขึ้น 19% จากไตรมาสก่อน) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการเพิ่มอย่างต่อเนื่องของ CC และอัตราความสามารถในการทำกำไรที่อยู่ในระดับสูง เชื่อว่ากระแส CC จะสูงขึ้นหลังเศรษฐกิจกลับมาเปิด โดยคิดว่าบริษัทฯ จะสามารถเริ่มเก็บเกี่ยวผลจากการซื้อ NPL เป็นจำนวนมากในไตรมาส 1/64

นอกจากนี้ยังคิดว่าพอร์ตที่มีการตัดจำหน่ายเต็มจำนวนจะเพิ่มเป็น 53.5 พันล้านบาท ในไตรมาส 4/64 พอร์ตดังกล่าวจะไม่เพียงแต่เพิ่ม CC และรายได้ แต่ยังจะช่วยเสริมอัตรากำไรของบริษัทฯ โดยเชื่อว่าแนวโน้มดังกล่าวจะต่อเนื่องไปในปี 2565 นอกจากนี้ JMT ยังวางแผนซื้อ NPL เชิงรุกในปี 2565 ซึ่งทำให้คาดว่ากำไรสุทธิปี 2565 จะกระโดดเพิ่ม 69% จากปีก่อน อย่างไรก็ดีกำไรต่อหุ้น (EPS) มีแนวโน้มเพิ่มเพียง 29% จากปีก่อน จากผลของ RO และ JMT-W3

สำหรับวันขึ้น XR ของ RO จะเป็นวันที่ 5 พ.ย. 64 จากการคำนวณคาดว่าราคาจะลดลงเพียง 2-3% ในวันขึ้น XR การลดลงของ EPS ในกรณีที่บริษัทฯ ไม่สามารถใช้ทุนในการขยายธุรกิจได้จะอยู่ที่ 17-18%

อย่างไรก็ดี คาดว่า JMT จะใช้เงินทุนในการซื้อ NPL เป็นจำนวนมาก ซึ่งทำให้คาดว่า EPS จะไม่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ และแนะนำให้นักลงทุนไม่ต้องกังวลกับปัญหาดังกล่าวมากจนเกินไป

ทั้งนี้ ยังคงเลือก JMT เป็นหนึ่งในหุ้นเด่นในกลุ่มการเงิน โดยเชื่อว่าบริษัทฯจะรายงานกำไรที่โดดเด่นเมื่อเทียบกับกลุ่มฯ ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว มอง JMT ในฐานะที่เป็นหุ้นที่ใช้ป้องกันความเสี่ยงในกรณีที่เกิดปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำโดยมีปัจจัยหนุนจากพอร์ตสินเชื่อที่ไม่มี หลักทรัพย์ค้ำประกัน นอกจากนี้บริษัทฯ ยังน่าจะโตตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจผ่านพอร์ตสินเชื่อที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันอีกด้วย โดยแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 57 บาท

Back to top button