“ฟินันเซีย” แนะซื้อ SMT คงเป้า 8 บ. มองรายได้ปี 65 โตทะลุ 3 พันลบ.
“ฟินันเซีย” แนะซื้อ SMT ราคาเป้าหมาย 8 บาท พร้อมประมาณการกำไรปี 64 ที่ 217 ลบ. เพิ่มขึ้น 166.4% จากปีก่อน ขณะที่มองรายได้ปี 65 โตทะลุ 3 พันลบ.
บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (3 พ.ย.64) แนะนำหุ้นบริษัท บริษัท สตาร์ส ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SMT หลังผู้บริหารมั่นใจต่อเป้าหมายการเติบโตรายได้ในปี 2565 ที่ระดับ 3.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% จากปีก่อน โตต่อเนื่องจากปี 2564 ที่คาดทำได้ 2.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 30% จากปีก่อน
โดยล่าสุด Secured คำสั่งซื้อปี 2564 ไปแล้วราว 80% นอกจากนี้ยังมีการเซ็นสัญญาลูกค้าใหม่ 2 ราย (กลุ่ม Optic และ Part Assembly) ซึ่งจะเป็นสินค้าประกอบให้กับลูกค้าแบบ Complete Product (Box Build ไม่ใช่แค่ผลิต Part) โดยผู้บริหารเปิดเผยรายได้ส่วนนี้อีกอย่างน้อย 0.8- 1.0 พันล้านบาท ซึ่งจะเป็น Upside ส่วนเพิ่มจากเป้ารายได้ปี 2565 ขึ้นไปอีก
ทั้งนี้ แม้ SMT จะยังเป็นบริษัทขนาดเล็กและการเติบโตอาจไม่ได้มุ่งไปที่สินค้า Segment ใดชัดเจน แต่มองบวกต่อการความยืดหยุ่นของสายการผลิตและกระจายกลุ่มผลิตภัณฑ์ไป ในทั้ง Communication (Optic), IC, Industrial, Automotive (Lidar), Medical นอกจากการโตตามความต้องการชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่ปรับขึ้นทั่วโลกแล้ว ด้วยฐานที่ยังเล็กยังสามารถเพิ่ม Market Share ให้ตนเองได้อีกมาก
ส่วนปัญหา Lead Time ของวัตถุดิบที่ค่อนข้างยาวในช่วง 9 เดือนแรกของปี 64 ที่ผ่านมา ปัจจุบันเริ่มคลี่คลายเป็นลำดับ และสถานการณ์ในไตรมาส 4/64 ดูดีกว่าไตรมาส 3/64
ทั้งนี้บริษัทได้เริ่มทยอยล็อกวัตถุดิบสำหรับการผลิตปีหน้าแล้ว และมีบางส่วนที่ลูกค้าเป็นผู้จัดหาวัตถุดิบให้ ส่วนพนักงานราว 1,030 คน ได้รับวัคซีนแล้ว 98% และตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา บริษัทแจ้งว่าไม่มีพนักงานคนใดติดเชื้อ
สำหรับกำลังการผลิตปัจจุบันที่ยังเหลืออีกราว 40% สามารถรองรับคำสั่งซื้อไปได้อีก 18 เดือนเป็นอย่างน้อย อย่างไรก็ตามบริษัทอยู่ระหว่างพิจารณาหาพื้นที่สำหรับโรงงานแห่งใหม่ นอกจากเพื่อขยายกำลังการผลิตแล้วยังเป็นการกระจายความเสี่ยงจากการมีโรงงานเดียว
โดยระยะสั้นคาดกำไรสุทธิไตรมาส 3/64 อยู่ที่ 58 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.2% จากไตรมาสก่อน, เพิ่มขึ้น 35.5% จากปีก่อน แม้คาดรายได้ที่ 610 ล้านบาท ทรงตัวจากไตรมาสก่อน แต่ยังโต 27.1% จากปีก่อน และคาดอัตรากำไรขั้นต้นปรับดีขึ้นเล็กน้อย ขณะที่ไม่มีค่าใช้จ่ายบริจาคเหมือนในไตรมาส 2/64 อีก ซึ่งจะช่วยหักล้างการสำรองค่าใช้จ่ายแปลง ESOP ของพนักงาน ซึ่งหากกำไรไตรมาส 3/64 เป็นไปตามคาด บริษัทจะมีกำไรสุทธิ 9 เดือนอยู่ที่ 166 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 237.8% จากปีก่อน คิดเป็น 76% ของประมาณการทั้งปี
ขณะที่แนวโน้มกำไรจะเร่งตัวขึ้นในไตรมาส 4/64 จากคำสั่งซื้อที่สูงขึ้นและปัญหาวัตถุดิบคลี่คลายทำให้ประมาณการกำไรสุทธิปี 2564 ที่ 217 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 166.4% จากปีก่อน ดูมี Upside ราว 5%
ทั้งนี้ แม้ประมาณการกำไรปี 2565 จะดูมี Upside พอสมควรเมื่อเทียบกับเป้าหมายของบริษัท แต่เบื้องต้นยังคงสมมติฐานการเติบโตในปี 2565 ตามด้วยด้วยรายได้ระดับ 3.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% จากปีก่อน และคาดกำไรสุทธิปี 2565 ไว้ที่ 289 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.1% จากปีก่อน และคงราคาเป้าหมายตามเดิมที่ 8 บาท (อิง PE 25 เท่า) โดยใช้สมมติฐานว่าจะมีการใช้สิทธิแปลง SMT-W3 ที่มีอายุ 3 ปี ( 2564-67) อัตรา 1:1 และราคาใช้สิทธิ 4 บาท/หุ้น